ธ.ก.ส.หนุนเกษตรกรไทย สู่ “ผู้แข็งแกร่งในปฐพี!”
เกษตรกร! กลายเป็นอีกกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดฯบ้าง แต่ไม่มากและไม่สะเทือน! นั่นเพราะความโชคดีที่มี ทั้งจาก…นโยบายรัฐ การดำเนินงานของ ธ.ก.ส. สภาพดินฟ้าอากาศ ความต้องการของตลาด องค์ความรู้คู่ทุน และประสบการณ์ตรงที่มี ทั้งหมดหล่อหลอมจนกลายเป็น “ภูมิต้านทาน” อันสุดแกร่ง! จนโควิดฯทำอะไรไม่ได้มากนัก นับได้ว่า…เกษตรกรไทย คือ อีกหนึ่ง “ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”
เหมือนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ (ระลอก 3) นับแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา ไม่อาจสร้างปัญหามากนักให้กับธุรกิจบางสาขา หนึ่งในนั้น…มีธุรกิจการเกษตรรวมอยู่แล้ว
ยืนยันจากข้อมูล-ข้อเท็จจริงที่ นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะ “โฆษก ธ.ก.ส.” บอกผ่าน เว็บไซต์ข่าว AEC10NEWS ถึงความโชคดีของพี่น้องเกษตรกรกว่า 3 ล้านครัวเรือน ที่ส่วนใหญ่ “แข็งแกร่ง” และมี “ประสบการณ์” จากวิกฤตไวรัสโควิดฯ รอบก่อน…
นับเป็นความโชคดีที่ นโยบายของรัฐ ส่งผ่านมายัง ธ.ก.ส. นับแต่ก่อนและหลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯเมื่อช่วงต้นปี 2563 ได้เสริมสร้างภูมิต้านทานอันแข็งแกร่งให้กับพี่น้องเกษตรกรของไทย มาโดยตลอดและต่อเนื่อง
แทบทุกกลุ่มสาขา…ไม่ว่าจะเป็น เกษตรกรชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ปศุสัตว์ ประมง ฯลฯ รวมถึงอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตร ล้วนได้รับอานิสงส์จากนโยบายเหล่านี้…
ตั้งแต่…การพักหนี้เกษตรกร การปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่ การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร การประกันภัยการเกษตร ฯลฯในส่วนของ ธ.ก.ส.เอง ที่ได้ดำเนินการ “ความรู้คู่ทุน” มาก่อนหน้านี้ และยังคงเดินหน้าภารกิจนี้อย่างเข้มข้นต่อไป
เหล่านี้…ล้วนมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเสริมสร้างและเพิ่มภูมิคุ้มกันยั่งยืนแก่เกษตรกรไทย
กอปรกับ สภาวะอากาศที่เป็นใจ…ฝนตกชุกช่วงฤดูร้อน ไม่เพียงไม่สร้างปัญหาและความเสียหาย หากยังมีส่วนเร่งสร้างการเจริญเติบโตและคุณภาพที่ดีแก่พืชผลทางการเกษตร แถมส่วนใหญ่ราคาสินค้าเกษตรมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนสำคัญ นั่นเพราะ…มิติการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปยังต่างประเทศที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความต้องการจากผู้บริโภคในต่างแดน
“โฆษก ธ.ก.ส.” บอกว่า…เมื่อเกษตรกรไทยเข้มแข็ง เพราะมีทั้งทุน ทั้งโอกาส และองค์ความรู้ รวมถึงประสบการณ์ตรงจากวิกฤตรอบก่อนๆ ทำให้เกษตรกรไทยสามารถใช้องค์ความรู้ที่มี เพื่อปรับเปลี่ยนตัวเอง ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน จนสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
“การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯระลอกใหม่ ไม่กระทบพี่น้องเกษตรกรมากนัก ต้องขอขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงการคลังที่มีนโยบายดีๆ ส่งผ่านมายัง ธ.ก.ส. เพื่อส่งต่อให้กับเกษตรกรไทย จนเกิดเป็นภูมิคุ้มกัน…ป้องกันกับทุกปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น” นายสมเกียรติ ระบุ
สิ่งที่สะท้อนความเข้มแข็งของพี่น้องเกษตรกรไทย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก…ความต้องการสินเชื่อ ทั้งเพื่อเป็นการเสริมสร้างสภาพคล่อง และ/หรือ ขยายกิจการให้เติบใหญ่ยิ่งขึ้น!
จาก โครงการสินเชื่อฉุกเฉินฯ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นมา เห็นได้ว่า…วงเงินที่รัฐบาลตั้งให้กับ ธ.ก.ส.ที่ 20,000 ล้านบาทนั้น จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยอดปล่อยสินเชื่อในโครงการฯ มีเพียง 8,800 ล้านบาท แม้จะมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างดีและผ่อนปรนอย่างมาก แต่ความสนใจของเกษตรกรส่วนใหญ่ยังถือว่ามีไม่มากนัก
ขณะที่ โครงการสินเชื่อฉุกเฉินฯ ยังไม่ถึงกำหนดสิ้นสุดอายุโครงการฯ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ทว่ารัฐบาลและกระทรวงการคลังยังรู้สึกเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรไทย มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิดฯ เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.จะดำเนินโครงการใดๆ ที่แม้มีมติคณะรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ยังต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ที่มี “รมว.คลัง” (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นประธานฯ เสียก่อน ซึ่ง คณะกรรมการ ธ.ก.ส.มีกำหนดการประชุมฯในวันที่ 27 พฤษภาคมที่จะถึงนี้…
รองฯสมเกียรติ ระบุว่า มีแนวโน้มจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เพื่อขอขยายอายุโครงการสินเชื่อฉุกเฉินฯออกไป เนื่องจาก 2 เหตุผลสำคัญ คือ 1.ยังมีวงเงินในโครงการฯเหลืออยู่ราว 11,200 ล้านบาท สามารถจะปล่อยสินเชื่อรองรับความต้องการของพี่น้องเกษตรกรได้ และ 2.เงื่อนไขของโครงการสินเชื่อฉุกเฉินฯ ดีกว่าโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิดฯ (ดูตารางเปรียบเทียบฯ)
กระนั้น การขอมติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เพื่อขยายเวลาโครงการโครงการสินเชื่อฉุกเฉินฯออกไป พร้อมกับชะลอโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิดฯ ก็มีประเด็นให้ต้องพิจารณา กล่าวคือ ลูกค้าในโครงการสินเชื่อฉุกเฉินฯ ไม่สามารถจะกู้ในโครงการเดิมได้ ขณะที่โครงการใหม่ก็ชะลอออกไป…
ทางออกที่ ธ.ก.ส.เตรียมให้กับเกษตรกร 2.82 ล้านครัวเรือนในรอบใหม่ จากทั้งหมด 3.2 ล้านครัวเรือน ที่เคยได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ โดยไม่ต้องผ่านเกณฑ์คัดกรองคุณสมบัติเครดิตบูโร นั้น หากจะมีความต้องการในสินเชื่อสู้ภัยโควิดฯ แต่ไม่อาจเข้าร่วมโครงการใหม่ เพราะถูกชะลอโครงการฯออกไป ขณะที่โครงการเก่ายังมีภาระผูกพันธ์ จนไม่อาจเข้าร่วมโครงการฯได้
ธ.ก.ส.จะแนะนำให้เกษตรการรายนั้น เข้าโครงการสินเชื่อปกติของ ธ.ก.ส. แม้ว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่แพงกว่าโครงการพิเศษอยู่บ้าง แต่มีข้อดี 2 ประการ นั่นคือ…
1.การผ่อนชำระหนี้เป็นรายปี ไม่ใช่รายเดือนเหมือน 2 โครงการพิเศษ และ 2.การลดต้นลดดอก ซึ่งเมื่อถัวเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยแล้ว จะทำให้อัตราดอกเบี้ยในโครงการสินเชื่อปกติ ไม่ได้สูงมากนัก ที่สำคัญ…หนึ่งปีชำระหนึ่งครั้ง
“ต้องบอกว่า วิกฤตโควิดฯรอบนี้ มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กับพี่น้องเกษตรกรไทย โดยเฉพาะการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านต่างๆ จากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นแจกเงินเพื่อการเยียวยาผ่านมาตรการต่างๆ รวมถึงการเข้าร่วมโครงการสินเชื่อที่ภาครัฐมีให้ ทำให้เกษตรกรไทยตื่นตัวต่อการใช้เทคโนโลยีเพื่อวางแผนจัดการทั้งด้านการเงิน การผลิต การตลาด ฯลฯ ขณะเดียวกัน ภาครัฐเอง ก็ได้สร้างระบบสาธารณูปโภคทางด้านการเงิน โดยเฉพาะระบบ National e-Payment รองรับการเข้าถึงระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิส์ ทำให้วันนี้…เกษตรกรไทยก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว…” โฆษก ธ.ก.ส. ย้ำ และว่า…
ในส่วน การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร นั้น ธ.ก.ส.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้การดูแล ช่วยเหลือ และคำปรึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ได้จัดแบ่งกลุ่มลูกหนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม หรือ 3 สี กล่าวคือ…
กลุ่มสีเขียว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีปัญหาหรือมีแต่ไม่มาก สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีสัดส่วนมากสุดราว 70%
กลุ่มสีเหลือง หรือกลุ่มที่พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดย ธ.ก.ส.พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำและช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มนี้ เพื่อให้กลับสู่กระบวนการทำงานตามปกติ ซึ่งมีสัดส่วนราว 20%
และ กลุ่มสีแดง หรือกลุ่มที่มีปัญหา จนต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีสัดส่วนราว 10% ทั้งนี้ หากสภาพของปัญหามีเยอะมาก ธ.ก.ส.ก็พร้อมจะแฮร์คัทหนี้ เพื่อให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ต่อไป ซึ่งในส่วนนี้ เชื่อว่าคงมีไม่มากนัก และมติของคณะกรรมการ ธ.ก.ส.เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มีรองรับไว้แล้ว
ถึงตรงนี้…ต้องบอกเป็นความโชคดีของพี่น้องเกษตรกรไทยในทุกเซ้กเม้นท์ที่มักจะได้รับโอกาสดีๆ ทั้งจาก…นโยบายของรัฐ การดำเนินงานของ ธ.ก.ส. ที่ยึดโยงผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเป็นสำคัญ รวมถึง สภาพดินฟ้าอากาศที่เป็นใจ และ ความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้ระดับราคาสินค้าเกษตร เป็นที่น่าพอใจ ทำให้เกษตรกรไทย…พอจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง
ทั้งหมด…ได้เสริมสร้างความเข้มแข็ง และเติมเต็มภูมิต้านทานที่ดี ต่อเกษตกรไทย…จนวิกฤตโควิดฯในรอบใหม่นี้ อาจส่งผลกระทบต่อพวกเขาบ้าง แต่ถือว่าไม่สะเทือนมากนัก
ที่สำคัญ…โควิดฯรอบใหม่นี้ ไม่อาจบ่อนทำลายความมั่นคงของพี่น้องเกษตกรไทยได้อย่างแน่นอน!!!.