เพชรชมพู กิจบูรณะ เด็กสุดในสภา แต่เก่งกล้าไม่แพ้ใคร
“เพชรมีความตั้งใจที่จะแสดงศักยภาพให้ทุกคนเห็นว่า คนรุ่นใหม่และผู้หญิงมีความสามารถทำงานทางการเมืองเทียบเท่าหรือมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ เราไม่อยากให้คิดว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน“
เพชรชมพู กิจบูรณะ ในวัย 27 ปี กลายเป็น ส.ส.ที่มีอายุน้อยที่สุด เพราะเมื่อตอนหลังเลือกตั้งปี 2562 เธอเพิ่งอายุ 25 ปีเท่านั้น
ส.ส.สาวสวย เข้าสู่เวทีการเมืองจากคำเชิญชวนของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย คนที่เธอยึดถือเป็นต้นแบบด้านการเมือง
เธอเรียนระดับมัธยมในประเทศสิงคโปร์ ต่อมาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี Bachelor of Arts (Philosophy, Politics & Economics) จากมหาวิทยาลัยเดอรัม ประเทศอังกฤษ และ Bachelor of Law BPP UNIVERSITY ประเทศอังกฤษ
เคยขึ้นเวที กสสป. หรือ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึง 3 ครั้ง โดยอาศัยช่วงปิดเทอม ขึ้นเวทีใหญ่ปราศรัยทางการเมือง
หลังเรียนจบเข้าทำงานที่มูลนิธิ กปปส. ก่อนที่ สุเทพ จะประกาศตั้งพรรค และเชิญชวน “เพชรชมพู” เข้าร่วมด้วย
“เพชรชมพู” เล่าบรรยากาศหลังเรียนจบและเธอได้เข้าทำงานที่มูลนิธิ กปปส.ว่า ทำงานไม่ได้นานนัก จากนั้นสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงได้เชิญชวนผู้ที่มีอุดมการเดียวกันตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย และเหตุผลที่เธอเข้าร่วมกับพรรคการเมืองนี้ เพราะเห็นว่าเป็นพรรคการเมืองของประชาชนจริงๆ เนื่องจากที่ผ่านมายังมองไม่เห็นว่า มีพรรคการเมืองใดที่ประชาชนสามารถออกสิทธิ์ออกเสียงได้อย่างแท้จริง
ความโดดเด่นของเธอ ทำให้ถูกจัดอยู่ในระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 รองจากอดีตหัวหน้าพรรค ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล
“ความจริงเราเคยเข้าร่วมโครงการยุวประชาธิปัตย์ ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับไม่ได้ไปพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเราดูทุกพรรคแล้ว จึงตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย เพราะคิดว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่า พรรคเราไม่ได้เกี่ยงกันเรื่องอายุหรือเรื่องต้นทุนทางสังคม รวมถึงต้นทุนทางการเงิน”
เพชรชมพู มองว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ และทุกคนในพรรคไม่ได้มองที่อายุหรือว่าเพศ แต่มองที่ความรู้ความสามารถ ถือเป็นพรรคที่ให้โอกาสทุกคนอย่างแท้จริง
กระทั่งเมื่อได้เข้าไปเป็น ส.ส. เธอยังมองว่า สภาผู้แทนราษฎรประเทศไทยมีสีสันอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น การอภิปราย การทำงาน รวมถึงบทบาทของ ส.ส.แต่ละคน
“สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือปัญหาปากท้องของประชาชน โดยนโยบายของภาครัฐจะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน และเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือประเด็นด้านการศึกษา ซึ่งการศึกษาที่ดีนั้น จะต้องประกอบด้วย ศักยภาพของครูบาอาจารย์ สถานศึกษาที่ดีต่อการเรียนรู้ของเด็ก เปลี่ยนหลักสูตรให้เหมาะสมกับโลกในทศวรรษที่ 21
เพชรมีความตั้งใจที่จะแสดงศักยภาพให้ทุกคนเห็นว่า คนรุ่นใหม่และผู้หญิงมีความสามารถทำงานทางการเมืองเทียบเท่าหรือมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ อยู่ที่สังคมจะมองเห็นมากน้อยเพียงใด เราไม่อยากให้คิดว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน”
พรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ปัจจุบัน มี “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” ตัวแทนของพรรคเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
เพชรชมพู หนึ่งในคนรุ่นใหม่ของพรรค มองกระแสคนรุ่นใหม่ ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ควรควรเป็นไปด้วยเหตุด้วยผล เช่น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าสภา ซึ่งเรื่องนี้จะต้องแยกให้ออกก่อนว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารนั้นแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
เธอ บอกว่า พฤติกรรมของนักการเมืองจะต้องมีการปรับปรุงในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเห็น หรือการอภิปรายในหลายๆเรื่อง ซึ่งบางครั้งมีความซ้ำเนื้อหา ทำให้เสียเวลา
ส่วนอนาคตทางการเมืองของเธอนั้น บอกว่ายังไม่คิดไปไกล เอาแค่ทำหน้าที่ ส.ส.ในวันนี้ให้ดีก่อน
“เป้าหมายทางการเมืองตอนนี้ยังไม่ชัดเจน แต่เวลานี้อยากทำหน้าที่ผู้แทนเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนให้ได้เสียก่อน ปัญหาอะไรที่ประชาชนฝากมาเมื่อครั้งที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง อยากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก่อน
เราอยากเห็นการเมืองไทยมีความเปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมาจะได้เห็นว่าการเมืองไทยนั้นเป็นแบบเก่าที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ เวลามีปัญหาก็จะจบด้วยความรุนแรง ดังนั้น ในฐานะคนรุ่นใหม่ จึงต้องการเห็นการเมืองที่มีความสร้างสรรค์ ไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่เลือกข้าง คิดถึงแต่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก”