ฟิล์ม รัฐภูมิ จากซุปตาร์อาร์เอส สู่เวทีการเมือง

การเมืองกับนักแสดงก็เหมือนกัน เพราะนักแสดงก็คือการนำชื่อเสียงไปป่าวประกาศให้คนมาช่วยเหลือสังคม ส่วนการเมืองคือการนำความรู้ที่เราไงเข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆ
ศิลปินดาราที่กระโดดมาเล่นการเมือง หนึ่งในนั้นคือ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อดีตซุปเปอร์สตาร์อาร์เอส
ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 ฟีล์ม จับมือกับ ชัชวาลย์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน สมัครเข้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ทำหน้าที่รองโฆษกพรรค จัดอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ 8 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคพลังท้องถิ่นไทได้ที่นั่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อเพียง 3 ที่นั่ง

ปี 2563 เขา ตัดสินใจโบกมืองลาพรรคพลังท้องถิ่นไท มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย หลังการทาบทามของคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ โดยให้เหตุผลว่า พรรคพลังท้องถิ่นไท มีอุดมการณ์ไม่ตรงกันแล้ว
ก่อนจะติดสอยห้อยตาม คุณหญิงหน่อยอีกครั้ง เมื่อมีการตั้งพรรคสร้างไทย
“ฟีล์ม” เล่าที่มาของความสนใจในการเมือง โดยมองว่าการเมืองมีผลกระทบต่อประชาชนทุกคน จึงคิดว่าหากสามารถใช้ชื่อเสียงและความรู้ไปช่วยผลักดันกลไกต่างๆของสังคมได้ ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาล
“การเมืองและเศรษฐกิจเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่เกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นความแตกแยกในสังคม ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมกัน ผมเองก็อยู่ในยุคๆนี้ ที่เจอกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็น คำว่าประชาธิปไตยและความแตกแยก”
เขาไม่ได้เป็นแค่นักร้อง นักแสดง แต่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ยังทำธุรกิจ และเห็นว่าเมื่อการเมืองมีปัญหา ย่อมจะกระทบต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เมื่อเรามาทำธุรกิจก็พบว่ามีผลกระทบจากการเมืองอย่างแน่นอน ไม่เหมือนวงการบันเทิง จะไม่มีผลกระทบมาก เพราะถือเป็นธุรกิจเดียว ที่ไม่ว่าคุณจะสุขหรือทุกข์ แต่คนไทยก็ต้องการ แต่เมื่อเราออกไปทำธุรกิจอย่างเต็มตัว เมื่อเจอความแตกแยกทางการเมือง ย่อมจะกระทบต่อธุรกิจในทันที นั่นทำให้เราอยู่นิ่งไม่ได้ จึงจะต้องออกมาพูด ถึงความบกพร่องว่าเป็นอย่างไร เราต้องการเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วย
ต้องบอกว่า ในฐานะศิลปินดารานักแสดงนักร้อง ผมได้ลงพื้นที่โดยตลอด ได้มีการพบปะประชาชนโดยตลอด ทำให้เห็นว่าความไม่เท่าเทียมในประเทศไทยนั้นค่อนข้างสูง มีกระทั่งจนที่สุดจนถึงรวยที่สุด ถนนหนทางแย่และถนนหนทางที่ดีที่สุด เจอปัญหาไฟฟ้าเข้าไม่ถึง นั่นทำให้เรามองว่าทำไมภาครัฐ จึงเข้าไม่ถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน มีแต่ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง หรือศิลปินดาราออกมาระดมทุนช่วยเหลือประชาชน”

นักแสดงหนุ่ม เล่าว่า แม้จะลงมาเล่นการเมือง แต่ก็ไม่ทิ้งอาชีพนักแสดง เพราะถือเป็นอาชีพที่รัก อีกอย่างการทำงานการเมืองกับนักแสดงนั้น ไม่กระทบกัน สามารถทำควบคู่กันไปได้
“การทำงานการเมืองไม่กระทบต่ออาชีพนักแสดง และในช่วงนี้ก็ไม่ใช่ช่วงของการหาเสียง แต่ละคนก็แยกย้ายกันลงพื้นที่เพื่อสอบถามความต้องการของประชาชน ผมชอบการเมืองมาก เมื่อเข้ามา ก็เหมือนมาเจอตัวเอง เพราะชีวิตคนเราก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับตัวบทกฎหมาย ดังนั้น หากเราได้มีโอกาสเข้าไปช่วยในการแก้ไขกฎหมายบางอย่างที่ล้าหลัง ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนโดยเฉพาะธุรกิจคนรุ่นใหม่
การเมืองกับนักแสดงก็เหมือนกัน เพราะนักแสดงก็คือการนำชื่อเสียงไปป่าวประกาศให้คนมาช่วยเหลือสังคม ส่วนการเมืองคือการนำความรู้ที่เราไงเข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆ”
ฟีล์ม ยังเล่าเหตุผลที่ลาออกจากพรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคการเมืองแรกที่ในเส้นทางการเมืองของเขาว่า เส้นทางการเมืองไม่ง่าย ไม่ประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง เพราะเดิมคิดว่าเมื่อเป็นผู้มีชื่อเสียง ก็จะสามารถผลักดันเรื่องต่างๆได้โดยง่าย ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่ง่าย เป็นเพียงความคิดของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น เพราะการจะปรับเปลี่ยนเรื่องต่างๆ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน มีระบบการบริหารจัดการที่ดี
“นโยบายต่างๆของผู้นำประเทศนั้น มีผลกระทบต่อทุกคนโดยตรง ซึ่งหากผู้นำตัดสินใจในทางที่ดีก็จะช่วยให้เศรษฐกิจดี ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ถ้าเกิดมีการตัดสินใจที่ไม่ดีก็จะกระทบต่อประชาชนโดยตรง

ถามว่ากลัวเจ็บตัวหรือไม่ เพราะการเมืองไทยนั้น ถือว่าร้อนแรงอย่างมาก รัฐภูมิ กล่าวว่า ในอาชีพศิลปินดารา เขาโดนมามากอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่หวั่นแม้วันมามาก
“ผมผ่านมาทุกด่านแล้ว มันก็เลยชิน อย่างไรก็ตาม เรื่องต่างๆที่จะเข้ามาก็ต้องดูด้วยว่าจุดยืนของเราทำด้วยความถูกต้องหรือไม่ หากยืนอยู่บนความไม่ถูกต้อง แก่ตัวไปก็จะเจ็บตัวเปล่าๆ ผมสนใจการเมืองมานานมากแล้ว และมีการพูดคุยกันในหมู่เพื่อนโดยตลอด มีการแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนาๆ”
ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ บอกว่า เป้าหมายทางการเมืองของเขาไม่ใช่ตำแหน่ง ส.ส.หรือตำแหน่งทางการเมืองอื่น แต่ต้องการผลักเรื่องต่างๆให้เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคม