3 สมดุล “ไทยออยล์” คว้าDJSI 6ปีซ้อน
การเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างคุณค่าสู่สังคม และการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นเลิศ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล คือ หลักการบริหารธุรกิจด้วยความสมดุล 3 ด้านของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) ที่ส่งผลให้ได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices ต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน
“ ผลการประเมินของ DJSI ในปีนี้ เป็นเสมือนรางวัลแห่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน ซึ่งนอกจาก ไทยออยล์ จะมุ่งเน้นการบริหารธุรกิจด้วยสมดุล 3 ด้านแล้ว การตอบสนองผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มด้วยความเป็นธรรม ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ ไทยออยล์ ยึดปฏิบัติมาโดยตลอดเช่นกัน “
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวหลังจาก Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ซึ่งเป็นดัชนีประเมินความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ได้ประกาศให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เป็นสมาชิกของ DJSI 2561 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
ทั้งนี้ในปี 2560 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่สำคัญของไทยออยล์ ความสำเร็จด้านเศรษฐกิจส่งผลให้รายได้ กำไรเติบโตสูงสุดเป็นประวิติการณ์ เกิดขึ้นมาจากรากฐานที่เข้มแข็งของพนักงานไทยออยล์และระบบการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ ผ่านการจัดการความเสี่ยงที่รอบด้าน การกำกับดูแลกิจการองค์กรอย่างโปร่งใส เป็นธรรม อย่างมืออาชีพ และสามารถตรวจสอบได้ มีการยกระดับวัฒนธรรมด้านบรรษัทภิบาลอย่างเป็นรูปธรรมโดยผู้บริหาร พนักงานทุกคน และขยายไปสู่คู่ค้าคู่ธุรกิจของไทยออยล์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานร่วมกันในระยะยาว
นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังมีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่ดีขึ้น ผ่านโครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานกว่า 20 โครงการในปีที่ผ่านมา การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม อาทิ การจัดการบ่อบำบัด เป็นต้น การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยร่วมกับผู้รับเหมาที่มาปฏิบัติงานในไทยออยล์จนทำให้มีสถิติความปลอดภัยดีที่สุดในรอบหลายปี ตลอดจนโครงการลงทุนที่สำคัญได้รับการอนุมัติและเห็นชอบจากชุมชนโดยรอบ มีกระบวนการสื่อสาร รับฟังความเห็น และจัดการเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ดัชนีความผูกพัน (Community Engagement) ของชุมชนรอบโรงกลั่นต่อการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์อยุ่ในระดับสูง รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรบุคคล การดูแลพนักงาน และมุ่งเน้นการเคารพในสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรสู่ความสำเร็จในระยะยาว
นายอธิคม กล่าวอีกว่า จากการได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices 2561 ต่อเนื่องเป็นปีที่6 สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย ทุกกลุ่มของไทยออยล์ต่อประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยมุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มผ่านกรอบธรรมาภิบาล และการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ
ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางเรือและทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจบริการจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่มไทยออยล์.