พรรคร่วมรัฐบาล ส่อ ร้าวลึก เมื่อ ปชป.แพ้เลือกตั้ง
ศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช นำมาซึ่งความหมาดหมางของ ปชป.และ พปชร.
ผลการเลือกตั้งซ่อม จ.นครศรีธรรมราช เขต 3 อำเภอชะอวด อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพระพรหม ปรากฎผู้ชนะ คือ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ 48,701 คะแนน ตามด้วย นายพงษ์สินธุ์ เสนพงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ 44,632 คะแนน สะท้อนว่า ในพื้นที่ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขลังเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แม้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นน้องชายแท้ๆของนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ครองเก้าอี้ ส.ส.นครศรีธรรมราช มาเกือบ 20 ปี ไม่เคยแพ้เลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็พลาดท่าเสียทีให้กับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองในการเลือกตั้งซ่อม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตามองหลังการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ คือความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ จะมีปัญหามากขึ้นหรือไม่
เพราะปัญหาระหว่าง 2 พรรคนี้มีมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เริ่มมีการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช โดยพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ชอบใจอย่างมากที่พรรคพลังประชารัฐ ส่งผู้สมัครลงแข่งกับประชาธิปัตย์
มีการยกมารยาททางการเมือง ที่ว่า ในการเลือกตั้งซ่อมนั้น พรรคร่วม ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่ควรจะส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง ขณะเดียวกัน พื้นที่เขต 3 นครศรีธรรมราช เดิมทีเป็นของประชาธิปัตย์ ก็ควรให้ประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครลงในนามพรรคร่วมรัฐบาล
แต่ทว่าพลังประชารัฐ ก็ไม่เอาด้วย เพราะเชื่อมั่นว่า จะชนะเลือกตั้งเป็นแน่แท้ หากได้ส่งผู้สมัครลงล้างตาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. มีการปะทะคารม ระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล โดย นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ออกมาบอกว่า ตอนนี้มีบางพรรคอาศัยตัวช่วย ด้วยการใช้นายทหารมากดดันบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งพลทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ว่าขอให้เลือกผู้สมัครรายหนึ่ง โดยอ้างว่านายสั่งมา นายขอให้ช่วย ถือเป็นความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้งครั้งนี้
นายชัยชนะ ยังระบุว่า มีหลักฐานการความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของนายทหารที่มาลงพื้นที่ เพราะมีการระบุให้ช่วยเหลือผู้สมัครบางพรรค โดยอ้างคำสั่งที่เป็นนายเหนือตัวเองว่าเขาขอให้ช่วย ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงที่จะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่
ด้านพรรคพลังประชารัฐ ตอบโต้ทันควัน โดย นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ประสานงานการเลือกตั้งซ่อมเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า บางพรรคยังคงเล่นเกมการเมืองไม่เลิก ออกมาโวยวายเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.นครศรีฯ
เขา กล่าวว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐนั้น เราถือว่าการเล่นเกมการเมืองไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับพี่น้องประชาชน ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาปากท้อง หรือความเดือดร้อน อย่างแท้จริง แค่เพียงมุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตัวของกลุ่มบุคคลบางส่วนเท่านั้น โดยไม่สนใจจะพัฒนาบ้านเมือง หรือพื้นที่ของตนเอง
“ที่ผ่านมาเรื่องเกมการเมืองมีมาโดยตลอด จนพี่น้องประชาชนรู้สึกเอือมระอา อย่างเช่น การเลือกตั้งนายกอบจ.ที่ผ่านมา พรรคการเมืองบางพรรคเคลื่อนไหวในพื้นที่อย่างดุเดือด โดยไม่ได้มองเรื่องการแข่งขันที่ผลงานหรือนโยบาย แต่กลับใช้วิธีแบบที่เคยทำจนติดเป็นนิสัยตั้งแต่อดีต คือทั้งขอร้อง กดดัน และข่มขู่ เพื่อให้ชนะเลือกตั้ง ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ก็ยังเอาผลงานของพรรคอื่นมาเคลมเป็นผลงานของตัวเองอีก ซึ่งเรื่องนี้ผมยืนยันว่าไม่ใช่วิธีของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน ขอแนะนำว่าอย่าดูถูกคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน”
แม้กระทั่งบนเวทีปราศรัยหาเสียง ยังมีการกล่าวหา โจมตีกันระหว่าง 2 พรรคคการเมือง อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 ปราศรัยในโค้งสุดท้ายว่า ครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม แต่เป็นการเลือกตั้งแทน เพราะ ส.ส.คนก่อนหลุดจากตำแหน่งเนื่องจากคดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ. อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ระบุว่า พรรค พปชร.ไม่รักษามารยาททางการเมือง ส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีกฎหมายข้อใดกำหนดไว้ว่าห้ามส่ง และคนของพรรคดังกล่าวนั้น ได้นั่งด่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกวัน แล้วมาบอกว่า พปชร.ไม่รักษามารยาททางการเมือง
แม้ขนาดนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งลงพื้นที่ นครศรีธรรมราช ช่วยหาเสียง ยังพูดถึงเรื่องมารยาททางการเมือง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ ไม่แสดงต่อพรรคประชาธิปัตย์
มีการวิเคาะห์ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้ง รอยร้าวของ 2 พรรคร่วม จะส่งลงลึกมากนัก เพราะอย่างน้อยๆ พวกเขาก็ยังสามารถรักษาพื้นที่ฐานเสียงเดิมเอาไว้ได้
แต่ความไม่ลงรอย จะหยั่งลึกมากขึ้น เมื่อประชาธิปัตย์ เสียทั้งพื้นที่ เสียทั้งมิตรภาพที่มีต่อพรรคร่วมรัฐบาล