หนีไม่พ้น….ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล
กระแสดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่พ้นแม้กระทั่งการลงทุนใน”สินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset) เพราะนักลงทุนเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนได้สูง ในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนักลงทุนจะลงทุนผ่านสกุลเงินดิจิทัลหรือหน่วยอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน สินค้า บริการ และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น Bitcoin, Ripple, Ethereum, Litecoin
ความนิยมลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนได้จากรายงานการซื้อขายประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. โดยหากเทียบในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบว่า ณ.วันที่ 19 ก.พ. 2564 ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าตามMarket Cap. ประมาณ 1.49 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุด 207.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน
เมื่อเทียบกับการรายงานของก.ล.ต.เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2564 ที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทั่วโลกมีมูลค่าตามMarket Cap. ประมาณ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุด 195.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน
และเมื่อเทียบกับวันที่ 1 ก.พ. 2564 ที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าตามMarket Cap. ประมาณ 1.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุด 168.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน
และกว่า 50%ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการลงทุนในบิทคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งสกุลเงินที่เป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา
ความนิยมในสกุลเงินบิทคอยน์ (Bitcoin)ยังได้รับแรงสนับสนุนจากกรณีที่บริษัทเทสลา อิงค์ หรือ TSLA แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (NASDAQ เมื่อต้นเดือนก.พ.ว่าบริษัทได้ลงทุนซื้อเงินสกุลเหรียญดิจิทัลบิทคอยน์ มูลค่ากว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทในขณะนี้ กว่า 45,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมจะเปิดรับการชำระเงินด้วยบิทคอยน์สำหรับชำระค่าสินค้าของบริษัทอีกด้วยโดยผลิตภัณฑ์หลักของเทสลาในปัจจุบันนี้ ได้แก่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์
ราคาบิทคอยน์ยังได้รับความนิยมทำสถิติใหม่ โดยเมื่อวันเสาร์ (20 ก.พ.) ราคาเคลื่อนไหวที่ 55,721.12 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.96% หลังจากเมื่อวันศุกร์(19ก.พ.)ทะยานขึ้นไปเคลื่อนไหวที่ 54,880 ดอลลาร์ หรือกว่า 1,646,000 บาท ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบิทคอยน์ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 30 ล้านล้านบาท
การเพิ่มขึ้นของบิทคอยน์ได้รับปัจจัยหนุนจากการยอมรับของภาคธุรกิจ ซึ่งจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดิจิทัลนี้ นับตั้งแต่บริษัทเทสลา, มาสเตอร์การ์ด และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ
ทั้งนี้ราคาบิทคอยน์สัปดาห์นี้พุ่งขึ้นมากกว่า 8% และเพิ่มขึ้นประมาณ 60% นับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. ขณะที่ทะยานขึ้นราว 350% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สาเหตุที่บิทคอยน์ราคาพุ่งขึ้นเนื่องจาก บิทคอยน์เปรียบเสมือน “ทองคำดิจิทัล” ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางและรัฐบาลในหลายประเทศพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 “บิทคอยน์” จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
แม้การลงทุนในบิทคอยน์จะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ในโลกของการลงทุน ต้องระลึกเสมอว่า “High risk High Return “