ใครผิด? เรียกเงินซ้ำซ้อนคืน! ปม “เบี้ยคนชรา”
บทเรียนความผิดพลาด ที่ อบต.เจริญสุข จ.บุรีรัมย์ ต้องรับผิดชอบ! หลังจ่ายซ้ำซ้อน “เบี้ยยังชีพคนชรา” กับ “เงินบำนาญทายาท” ให้ คุณยายวัยเก้าสิบ นานร่วม 10 ปี เป็นเหตุให้เกิดข้อครหา “รัฐรังแก” หากคนแก่ต้องถูกเรียกคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 8.4 หมื่นบาท
กลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” กับประเด็น “รัฐ…รังแกคนแก่”
ปฏิบัติการ “เรียกคืนย้อนหลัง” เบี้ยยังชีพคนชรา จาก คุณยายบวน โล่สุวรรณ หญิงชราวัย 89 ปี ชาวบ้านใน ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกหน่วยงานรัฐมีหนังสือมาเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน นับแต่ปลายปี 2554
รวมเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 84,000 บาท
ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2553 ที่ คุณยายบวน ได้รับเบี้ยยังชีพคนชรา และได้รับต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2563 นับรวมเวลา 10 ปี
ทว่าหลังจากลูกชาย คือ “จ.ส.อ.จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ” ทหารสังกัด มทบ.21 นครราชสีมา เสียชีวิตจากเหตุร้าย…คลังแสงระเบิดที่โคราช เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544
ต้นสังกัดของ “จ.ส.อ.จักราวุทธ” ได้พิจารณาจ่ายเงินบำนาญพิเศษ ให้กับพ่อและแม่ คนละ 5,000 บาทต่อเดือน แม้ภายหลัง…สามีของคุณยายบวนได้เสียชีวิตไปแล้ว เธอยังคงได้รับ “เงินบำนาญทายาท” เดือนละ 5,000 บาทต่อไป
กระทั่ง ปลายปี 2563 ทาง อบต.เจริญสุข แจ้งว่า จำเป็นต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุของคุณยายบวน เนื่องจากได้รับเงินบำนาญพิเศษฯอยู่แล้ว จะรับซ้ำซ้อนกันไม่ได้!
ผิดกฎหมาย!!!
กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต! มิต่าง…รัฐรังแกประชาชน!!!
และ เหตุผลที่ อบต.เจริญสุข บอกกับ คุณยายบวน และคนในละแวกใกล้เคียง คือ เหตุที่ต้องหยุดจ่ายและเรียกคืนเบี้ยคนชราพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงินเกือบ 1 แสนบาทนั้น เพราะกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีหนังสือให้เรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากคุณยายบวนคืนนั่นเอง
โถ! แค่มีกินไปวันๆ ไม่เพียงพอต่อการรักษาอาการเจ็บป่วยที่รุมเร้าด้วยสารพัดโรคร้าย ทั้ง….โรคหัวใจขาดเลือด สมองฝ่อ หัวใจโต และโรคซีด รวมถึงค่าเดินทางไปยังโรงพยาบาลเจ้าของไข้ฯ
คนแก่วัยเฉียด 90 ปี จะเอาปัญญาจากไหน หาเงินมาจ่ายคืนรัฐได้
ก้นร้อนกันทั้ง…กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และรัฐบาล!!!
ร้อนจน “โฆษกกรมบัญชีกลาง” นางนิโลบล แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ต้องออกมาโต้ข่าว…
“กรมบัญชีกลาง ขอเรียนชี้แจงว่า เนื่องจาก หลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่าจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
ซึ่ง แต่เดิม อบต.เจริญสุข จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่ นางบวน โล่สุวรรณ ตลอดมา
ต่อมาในปี 2563 ได้มีการดำเนินการโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-social welfare) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจ่ายตรงเบี้ยชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ ระหว่างกรมบัญชีกลางและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.)
ดังนั้น เมื่อ อบต. มีหนังสือสอบถามกรมบัญชีกลางให้ตรวจสอบกับฐานข้อมูลผู้รับบำนาญ ว่าผู้สูงอายุรายดังกล่าวเป็นผู้รับบำนาญหรือไม่ กรมบัญชีกลาง ได้ตรวจสอบพบว่า เป็นผู้รับบำนาญพิเศษ พร้อมทั้งได้มีหนังสือตอบ อบต. แล้ว”
“โฆษกกรมบัญชีกลาง” ระบุด้วยว่า ในกรณีที่ได้รับเงินเบี้ยสูงอายุไปโดยไม่มีสิทธิ อบต.จะเรียกคืนเงินตามขั้นตอนและวิธีการที่ อบต. กำหนด
เรื่องนี้…ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกรมบัญชีกลางที่จะดำเนินการได้แต่อย่างใด?
อย่างไรก็ดี กรมบัญชีกลางมีความห่วงใย และเข้าใจสถานการณ์ ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้มอบหมายให้ “คลังจังหวัดบุรีรัมย์” ประสาน อบต. เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สูงอายุรายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
สรุป! ในแง่ของประเด็นข้อกฎหมาย และความเห็นบนข้อเท็จจริงนั้น เมื่อ อบต.เจริญสุข จ.บุรีรัมย์ มีหนังสือมาสอบถามกับทางกรมบัญชีกลาง และกรมบัญชีกลางก็มีคำตอบที่อ้างอิงกับ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามหลักการและเหตุผลข้างต้น
ประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือ อบต.เจริญสุข ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องในการจ่าย “เบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ” และอยู่ร่วมพื้นที่กับ คุณยายบวน
“รู้ทั้งรู้” ตั้งแต่เรื่องที่ตัวเองต้องจ่าย “เบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ”, รู้ในประเด็นข้อกฎหมาย (ระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ) ที่จะอ้างว่า “ไม่รู้ไม่ได้”
และยังรู้ด้วยว่า…ลูกชาย (จ.ส.อ.จักราวุทธ) ของคุณยายบวนเสียชีวิต นำมาซึ่ง “เงินบำนาญทายาท” เดือนละ 5,000 บาท
แล้วยังตะบี้ตะบันจ่ายเงินฯให้ โดยไม่ดู “ตาม้าตาเรือ” แล้วจะไปโทษหน่วยงานที่แสดงความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายได้อย่างไร?
ถึงตรงนี้…อบต.เจริญสุข ควรต้องเข้ามารับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยที่คุณยายบวนจะต้องไม่เสียเงินจำนวน 84,000 บาท ขณะที่ รัฐบาลเอง จะต้องไม่สูญเงินจำนวนเดียวกันจากความผิดพลาดของ อบต.เจริญสุข ด้วย
“กรมบัญชีกลางยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฐานข้อมูลด้านสวัสดิการสังคมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้มีความครบถ้วนในทุกมิติ และอำนวยความสะดวกด้านการเบิกจ่ายตรง ให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม” โฆษกกรมบัญชีกลาง ย้ำทิ้งท้าย
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 ในวันและเวลาราชการ ตลอดจนสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสวัสดิการสังคม และบำเหน็จบำนาญ ได้ทาง CGD Application โดยดาวน์โหลดฟรีผ่านทาง Play Store สำหรับ Android หรือ App store สำหรับ iOS.