สร้างเศรษฐกิจจากภายใน…ไม่สนใจจีดีพี?
ไม่ว่าหน่วยงานไหน? จะปรับขึ้น-ลง! ตัวเลขจีดีพีในปีหน้า นั่นคงไม่สำคัญเท่าการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะจาก “กำลังซื้อภายในประเทศ” ที่ภาครัฐจำต้องเป็นตัวกลางประสานทุกความร่วมมือ ฟันฝ่าในช่วงที่ไวรัสโควิดฯ ยังคงสร้างปัญหาต่อมนุษยชาติและโลกใบนี้
เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2563 (ปีปฏิทิน) มีแนวโน้มดีขึ้น หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุด! เมื่อช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะไตรมาส 3 ที่เติบโตมากถึง 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และ กำลังถูกคาดหวัง ทั้งจากรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ทำนองว่า…
ในไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทย น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสที่ 3
ด้วยเหตุผลสำคัญจากมาตรการ/โครงการที่เกิดจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศของรัฐบาล
โฟกัสไปที่…โครงการคนละครึ่งเฟสแรก และช้อปดีมีคืน ซึ่งมีส่วนกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เสริมให้ภาพรวมของการใช้จ่ายให้ไหลรื่นเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของ โครงการคนละครึ่งเอง ก็กำลังจะมีเฟส 2 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 รวมถึง การเพิ่มวงเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 500 บาท ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย
ความเป็นช่วงเวลาเทศกาลแห่งความสุข แม้ยังจะมีปัญหาเรื่องความวิตกของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่เพราะแรงเหวี่ยงและรอยต่อระหว่างไตรมาส 4 ปีนี้และไตรมาสแรกของปีหน้า
บวกกับกำลังซื้อใหม่…ที่รัฐบาลอัดใส่มาให้คนในหลายๆ กลุ่ม ทั้งในช่วงที่ผ่านมาและช่วงที่กำลังจะมาถึง…ย่อมส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย จึงไม่น่าแปลกใจ! หากหลายหน่วยงานจะปรับประมาณเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2563 และ 2564 กันใหม่
โดยเฉพาะ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ที่เดิมกระทรวงการคลังคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 4.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 ก็อาจจะเปลี่ยนไป…???
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า เหตุที่อาจต้องปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2564 ใหม่ เพราะฐานเดิมของปี 2563 ที่คาดการณ์ว่าจะติดลบลดลงจากเดิม -8.8% มา -7.7% เมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
เอาเข้าจริงจีดีพีในปี 2563 อาจขยายตัวได้ดีมากกว่านั้น นั่นจึงทำให้ฐานของเศรษฐกิจในปี 2563 ที่จะนำมาคำนวณคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 เปลี่ยนไป?
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 อาจจะต่ำกว่าคาดการณ์เดิมเนื่องจากเศรษฐกิจในปี 2563 ขยายตัวดีขึ้น ส่วนจะเป็นเท่าใดนั้น คงต้องผลสรุปของไตรมาสที่ 4 เสียก่อน
แต่แม้จะมีการปรับลดประมาณการจีดีพีไทยในปี 2564 ลง ทว่า…นั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ที่เริ่มฟื้นตัว…ส่งผลต่อไปยังปี 2564 และปีต่อๆ ไป
ตรงกับสิ่งคาดหวังของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ภายใต้การ “คัดท้าย” ของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ที่เขาเองก็แอบหวังใจลึกๆ กับการดึงเม็ดเงิน “ที่ขาดหาย” ไปในปี 2563 กลับคืนมาโดยเร็วนั่นคือ…รายได้จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจาก นักท่องเที่ยวต่างชาติ เกือบ 40 ล้านคนในปี 2562 ที่เคยมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มากถึง 12% ของจีดีพี
และเพราะ ความพร้อมด้านสาธารณสุขของไทย ประกอบกับ กระแสของวัคซีนต่อต้านไวรัสโควิด-19 ในเวทีโลก
สิ่งนี้…ทำให้รัฐบาลไทย อาจผ่อนคลายการคุมเข้มในการเดินทางเข้า-ออกในประเทศไทยมากขึ้น
ซึ่งนั่น อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในประเทศที่ไม่มีความเสี่ยง เดินทางมายังประเทศไทย ภายใต้การรักษากฎกติทางด้านสาธารณสุขที่เข้มงวดของทางการไทย มากขึ้นตามไปด้วย
ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมายังประเทศไทยในปีหน้า จำนวน 1 ใน 5 หรือราว 8 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2562 คือ ตัวเลขคาดหวังของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และนั่น ก็เป็นความหวังของรัฐบาลและกระทรวงการคลังด้วย
เพราะรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จะเป็นเพียง 1 ใน 5 ของสัดส่วนเดิมที่ 12% หรือราว 2.4% ของจีดีพี เมื่อรวมกับ มาตรการ/โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการเพิ่มกำลังซื้อและสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ที่กระทรวงการคลัง คาดหวังจะตัวเลขการเติบถึง 6% นั้น ย่อมมีส่วนเสริม…เพิ่มแรงเหวี่ยงของจีดีพีในปี 2564 ตามไปด้วย
ไม่ว่า…จีดีพีในปี 2564 จะถูกปรับประมาณการกันใหม่หรือไม่? อย่างไร?
แต่หากทุกภาคส่วน ร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายและการลงทุนภายในประเทศ ผสานการคลายกฎเหล็ก เปิดทางดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในกลุ่มที่ไร้ความเสี่ยง ได้จริงล่ะก็
จีดีพีจะเป็นเช่นใด? เติบโต คงที่ หรือหดตัว นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับ…การรวมพลังทุกภาคส่วน เพื่อสร้างเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย จาก…น้ำมือของคนไทยเป็นสำคัญ
อย่างน้อยก็ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงคุกคามโลกใบนี้!!!.