โควิดคร่าชีวิตกว่า 2 พันคน/วันในสหรัฐฯ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 ที่สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์เฉลี่ยเกิน 2,000 รายต่อวันทุกวัน จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ โดยยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นทั่วประเทศ และยอดผู้ป่วยในโรงพยาบาลสูงพุ่งทุบสถิติ ส่งผลกระทบร้ายแรงกับระบบสาธารณสุขของประเทศ
มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดกว่า 2,600 รายในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. หลังจากมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,800 รายในวันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในวันเดียวของการระบาด ตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสเกิน 2,000 รายทุกวัน
ในวันที่ 4 ธ.ค. สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 227,800 ราย ทำลายสถิติอีกครั้ง ขณะที่มีผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาด
สหรัฐฯรายงานตัวเลขค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์ที่สูงเป็นประวัติการณ์ด้วยตัวเลข 182,663 รายต่อวัน โดยหลายรัฐทำงานเพื่อให้มีการรายงานตามกำหนดการปกติ หลังจากต้องเคลียร์งานที่ค้างในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้า จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลในสหรัฐฯกำลังมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่พุ่งสูงถึง 101,276 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการระบาดรุนแรงยิ่งขึ้น จากข้อมูลของ COVID Tracking Project
จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น เพิ่มแรงกดดันให้ระบบโรงพยาบาลทั่วประเทศ หลายรัฐ ทั้งนิวยอร์ก แมสซาชูเซตส์ และโร้ดไอส์แลนด์ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อเตรียมรับจำนวนผู้ป่วยที่ล้นทะลัก
ไม่เหมือนกับช่วงฤดูใบไม้ผลิที่บุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศเดินทางไปยังจุดระบาดใหญ่อย่างนิวยอร์กเพื่อรักษาผู้ป่วย เพราะตอนนี้ ระบบโรงพยาบาลทั่วประเทศกำลังประสบกับภาวะฉุกเฉินที่ไม่มีห้องผู้ป่วยสำรองแล้ว นอกจากนี้ แพทย์พยาบาลจำนวนหนึ่งที่โหมงานหนักก็ติดเชื้อโควิด-19 ด้วย
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงอยู่ก่อนหน้าวันหยุดช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าแล้ว และการเดินทางของชาวอเมริกันกว่า 3 ล้านคนที่สนามบิน ทำให้เป็นการเดินทางช่วงวันหยุดที่พลุกพล่านที่สุดหลังล็อกดาวน์กลางเดือนมี.ค.ทำให้ตอนนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางและการรวมตัวกันในช่วงวันหยุดฤดูหนาว
“ผมรู้ว่ามันยากแค่ไหน เราทุกคนล้วนอยากกลับไปอยู่กับครอบครัว อยากรับประทานอาหารช่วงคริสต์มาสกับครอบครัวและเพื่อนๆ” ดร.แอนโธนี ฟาวซี ที่ปรึกษาไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาวกล่าว
“ ตอนนี้สิงที่ทำได้คือ เราควรหลีกเลี่ยงการเดินทางและเลี่ยงการอยู่รวมกัน” ดร.ฟาวซีระบุ “หากคุณมองไปทั่วสหรัฐฯ เรากำลังอยู่ในวิกฤตสาธารณสุขตอนนี้ เราอยู่ในช่วงกลางของปลายฤดูใบไม้ร่วง ที่การติดเชื้อพุ่งขึ้นในฤดูหนาว เรามีสถานการณ์ที่แตกต่าง ยอดติดเชื้อที่พุ่งแซงชาติอื่นๆ”
มอนเซฟ สลาวี หัวหน้าที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์โครงการ Operation Warp Speed ของทำเนียบขาวระบุว่า ประชากรในสหรัฐฯจะได้ฉีดวัคซีนทั้งประเทศภายในเดือนมิ.ย. และจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับประชากรอีกเกือบ 8,000 ล้านคนในโลกภายในกลางปี 2565
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แสดงความกังวลว่า “ คนจำนวนมากคิดว่าการระบาดจบลงแล้ว”
ผอ.เทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุสระบุเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. แม้จะมีวัคซีนแล้ว แต่สหรัฐฯคาดการณ์ว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ถึง 539,000 ภายในวันที่ 1 เม.ย. จากการประเมินล่าสุดของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
โดยดร.เทดรอสระบุในการแถลงข่าวว่า “ ความจริงคือหลายพื้นที่ยังมีตัวเลขการติดเชื้อสูง เป็นสถานการณ์ที่กดดันทั้งโรงพยาบาล ห้องไอซียูและบุคลากรทางการแพทย์”