เกาหลีใต้ไม่ยกระดับคุมเข้มโควิด-19 แม้ระบาดรอบ 3
รัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจไม่ปฏิบัติตามแผนของมาตรการโควิด-19 อีกครั้ง และไม่ยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างให้สูงขึ้น แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ในการประกาศการตัดสินใจที่จะคงระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไว้ที่ระดับ 3 ดังเดิม นายกรัฐมนตรีชองซเยคยอนระบุเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ในการแถลงข่าวฉุกเฉินว่า “ มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดจะนำไปสู่ความสูญเสียอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบซ้ำเติมประชาชน”
แต่เขาเสริมว่า “ นี่ไม่ใช่มาตรการคงที่ไปตลอด อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้”
นายกฯชอง ซึ่งเป็นประธานการประชุมที่สำนักงานใหญ่ในการรับมือกับโควิด-19 ยอมรับว่า เกาหลีใต้กำลังประสบกับ “ สิ่งที่จะเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงพีคครั้งแรกในเดือนมี.ค.”
“ ตอนนี้เป็นประชาชน ที่ต้องเป็นผู้นำในการต่อสู้กับโควิด-19 มากกว่ารัฐบาล ด้วยการใช้ชีวิตที่ไม่ให้มีความเสี่ยง” เขากล่าว “นี่เป็นสิ่งที่เราจะชนะไวรัสได้ ”
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเกาหลีใต้ลดลงมาอยู่ที่ 450 รายในวันที่ 29 พ.ย. หลังจากมีผู้ติดเชื้อเกิน 500 รายต่อเนื่องกันถึงสามวัน เนื่องจากมีการตรวจหาเชื้อไวรัสลดลงในช่วงสุดสัปดาห์
อัตราการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศที่มีผลเป็นบวกสูงขึ้นเกิน 3% ในวันเดียวกัน สูงที่สุดนับตั้งแต่ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงสุดในช่วงฤดูร้อน โดยผลตรวจเป็นบวกยังคงสูงเกิน 2% ในช่วง 2 -3 วันล่าสุด
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า รัฐบาลล้มเหลวในการควบคุมการบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่าง ซึ่งกำหนดกรอบในการคลายหรือคุมเข้มมาตรการตามดุลพินิจ ขึ้นอยู่กับ อัตราการติดเชื้อและปัจจัยการระบาดอื่นๆ
จากการผ่อนคลายมาตรการที่มีผลในเดือนนี้ เกาหลีใต้ยังคงอยูในระดับการเตือนภัยโควิด-19 สูงสุดระดับ 2 ค่าเฉลี่ย 7 วันของการติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับชุมชนสูงเกิน 400 รายต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ฤดูหนาวอาจเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศต้องประสบปัญหาขึ้นอีก
ดร.เจคอบ ลี ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อระบุในการพูดคุยที่จัดโดยสถาบันแพทย์แห่งชาติเกาหลีว่า “ การระบาดระลอกแรกในแทกูและคยองซังเหนือ เป็นการติดเชื้อในชุมชนเดียว เราทราบ จึงมีการตรวจและกักตัวทันที และใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการควบคุมการแพร่ระบาด ขณะที่การระบาดระลอกสองในฤดูร้อนใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเพื่อควบคุมการระบาด โดยอัตราการติดเชื้อในชุมชนสูงขึ้นคือเกือบ 70%”
“ การระบาดครั้งล่าสุดคงต้องใช้เวลานานขึ้นในการควบคุม เพราะเราไม่สามารถระบุเจาะจงได้ว่ามีการติดเชื้อจากที่ไหน แต่แนวโน้มชี้ว่ามีการแพร่ระบาดในหลายชุมชน”
มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 5,759 รายที่มีการกักตัวรักษาที่โรงพยาบาล หรือศูนย์ดูแลอื่นๆในวันที่ 28 พ.ย. เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากเมื่อเดือนก่อน ที่มีตัวเลขผู้ป่วยถูกกักตัวประมาณ 1,600 ราย
แพทย์จากสถาบันแพทย์แห่งชาติคาดการณ์ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ว่า เตียงผู้ป่วยในห้องไอซียูอาจจะขาดแคลนในสัปดาห์หน้า
“ ในช่วงการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้ในเดือนส.ค. – ก.ย. โรงพยาบาลรับภาระหนักเมื่อจำนวนผู้ป่วยสูงเกือบ 5,000 ราย” ดร.คิมวูจู ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเกาหลีในกูโร ทางใต้ของกรุงโซล เตือนว่าระบบสาธารณสุขรับภาระหนักที่กำลังใกล้จะทรุดตัว
“ทางเดียวที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและไม่ให้ระบบสาธารณสุขทรุดตัว คือการควบคุมให้อยู่เป็นที่ เพื่อให้รัฐบาลสามารถปกป้องธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบและแรงงานที่มีความเสี่ยง โดยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในฤดูหนาว”