ดิสนีย์จ่อปลดพนักงานเพิ่มเป็น 3.2 หมื่นคน
ลอนดอน – บริษัทวอลท์ดิสนีย์มีแผนปลดพนักงานออกถึง 32,000 อัตราภายในสิ้นเดือนมี.ค.ปีหน้า มากกว่าจำนวนที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้กว่า 4,000 อัตรา เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักกับธุรกิจสวนสนุกและรีสอร์ต
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. มีการเปิดเผยข่าวการปลดพนักงานเพิ่มในเอกสารชี้แจงถึงคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ โดยดิสนีย์มีการจ้างงานพนักงานประมาณ 223,000 อัตรา จากรายงานประจำปีล่าสุด ในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ดิสนีย์ประกาศแผนที่จะปลดพนักงานประมาณ 28,000 อัตรา
ยักษ์ใหญ๋ด้านสื่อและบันเทิงเตือนว่า อาจส่งผลกระทบกับเงินปันผลในอนาคต และอาจลดจำนวนเงินเกษียณอายุและเงินค่ารักษาพยาบาล โดยระบุว่า อาจส่งผลกับเงินลงทุนทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ ทำให้มีการให้พนักงานลาพักโดยไม่จ่ายเงินเดือน หรือยุติการจ้างงานมากขึ้น
“ หลายมาตรการอาจส่งผลกระทบกับธุรกิจของเรา” ดิสนีย์ระบุในเอกสาร
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงกับธุรกิจสวนสนุก ซึ่งมีการจ้างงานกว่า 100,000 รายในสหรัฐฯ
บริษัทถูกบีบให้ระงับการล่องเรือสำราญ และเลื่อนการเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ออกไป ดังเช่น เช่น Black Widow ซึ่งคาดการณ์ว่า จะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดเรื่องหนึ่งของปี
ข่าวที่บริษัทเตรียมจะลดอัตราการจ้างงานเพิ่มอีกหลายพันคน มากกว่าที่เคยประกาศไว้เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ทำให้วุฒิสมาชิกเอลิซาเบธ วอร์เรน และอบิเกล ดิสนีย์ไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนเคยกล่าวประณามการปลดพนักงานของบริษัทอย่างรุนแรง ทั้งนี้ อบิเกล ดิสนีย์เป็นหลานสาวของรอย โอ.ดิสนีย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทร่วมกับพี่ชายของเขาคือ วอลต์ ดิสนีย์ ในปี 2466
ส.ว.วอร์เรนกล่าวหาว่า ดิสนีย์มีการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีมุมมองและวิสัยทัศน์ระยะสั้น โดยให้รางวัลตอบแทนผู้บริหารและผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลสูง และซื้อหุ้นคืนในช่วงเวลาหลายปีที่นำไปสู่วิกฤต เป็นสถานะที่ซีอีโอคนใหม่ของดิสนีย์คือบ็อบ ชาเพค ถูกมองว่า “ไม่ได้มีการพิจารณาที่ดีและทำให้เข้าใจผิด” โดยอบิเกล ดิสนีย์ได้แสดงความเห็นสนับสนุนส.ว.จากพรรคเดโมแครตคนนี้
สวนสนุกทั้ง 12 แห่งของดิสนีย์ในอเมริกาเหนือ เอเชีย และยุโรปปิดให้บริการในช่วงเดือนมี.ค.- พ.ค. ขณะที่ในเวลาต่อมา ดิสนีย์เปิดให้บริการในเซี่ยงไฮ้และฟลอริดา แต่สวนสนุกเรือธงในแคลิฟอร์เนียจะยังคงปิดไปจนถึงสิ้นปี 2563 นี้ โดยดิสนีย์แลนด์ในกรุงปารีสต้องปิดอีกครั้งในเดือนที่แล้วเมื่อฝรั่งเศสประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นรอบที่ 2
ที่กำลังเป็นธุรกิจแหล่งรายได้สำคัญของบริษัทคือบริการสตรีมมิง ดิสนีย์+ ซึ่งมีตัวเลขสมาชิกถึง 74 ล้านรายในตอนนี้ และกลายเป็นธูรกิจที่บริษัทมุ่งเน้นหลังการปรับโครงสร้างแผนกสื่อและบันเทิงของบริษัท โดยชาเพคระบุในแถลงการณ์รายได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ธุรกิจที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงคือ กุญแจสำคัญของอนาคตบริษัท
ตัวเลขรายได้ในปีนี้จนถึง 30 ก.ย. ดิสนีย์ขาดทุนมากถึง 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 84,736 ล้านบาท ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับปีที่แล้วที่บริษัทมีกำไรพุ่งทะยานสูงถึง 10,4000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 314,709 ล้านบาท