จ้างงานสหรัฐฯฟื้นในเดือนเม.ย.
อัตราการว่างงานในประเทศสหรัฐฯ ลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปีจากการฟื้นตัวของการจ้างงานอย่างแข็งแกร่ง ในเดือนเม.ย. อ้างอิงจากการรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากการจ้างงานลดลงจากพายุหิมะ ทำให้ตัวเลขชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. แต่ในเดือนเม.ย. เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แรงขับเคลื่อนจากการจ้างงานตำแหน่งใหม่ประมาณ 211,000 งาน ขณะที่ตัวเลขการว่างงานลดลง 1 ใน 10 เหลือ 4.4% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2550
โดยตัวเลขที่ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการจ้างงานใหม่ 180,000 ตำแหน่งงานในเดือนเม.ย. และอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.6%
ข้อมูลนี้น่าจะทำให้ทางทำเนียบขาวรู้สึกผ่อนคลายลง หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกดูจะอ่อนแรงลง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปฏิญาณว่าจะเพิ่มตำแหน่งงานใหม่ให้ได้ 25 ล้านตำแหน่งงานภายใน 10 ปี แต่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า เรื่องนี้อาจไม่เป็นจริงตามนั้น
โดยค่าแรงยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ด้วยอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงที่ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 0.3% มาอยู่ที่ 26.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 2.5%
เศรษฐกิจสหรัฐฯ จำเป็นตัองสร้างงานให้ได้ถึง 75,000 – 100,000 ตำแหน่งงานต่อเดือนเพื่อรองรับการเติบโตของประชากรวัยทำงานในประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ว่า “ รายงานตัวเลขเรื่องงานที่เยี่ยมยอดวันนี้ มันเริ่มเวิร์กแล้ว”
ทั้งนี้ อัตราประชากรที่มีงานทำในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาสูงสุดในรอบ 8 ปีมาอยู่ที่ 60.2% โดยตัวเลขปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันมา 4 เดือนแล้ว
“ การพัฒนาขึ้นของตัวเลขทำให้ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ มีเสถียรภาพที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมิ.ย.” นายไมเคิล เฟโรลิ นักเศรษฐศาสตร์ที่ JPMorgan ในนครนิวยอร์กกล่าว
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% -1% เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นได้แรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาคสันทนาการและการโรงแรม การดูแลสุขภาพ และ สังคมสงเคราะห์ ธุรกรรมการเงินและเหมืองแร่
ด้วยอัตราการว่างงานที่ต่ำอย่างที่เห็น หลายบริษัทต้องประสบกับความยากลำบากในการจ้างงาน และการเติบโตของงานอาจชะลอตัวในช่วงสิ้นปี นักวิเคราะห์จาก PNC Financial Services กล่าว แต่เขาเสริมว่า “ ไม่ใช่สัญญาณของการอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ”.