ดับจากโควิด-19 ทั่วโลกทะลุหมื่นในวันเดียว
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งสูงทะลุ 10,816 ราย จากข้อมูลของรอยเตอร์ นับเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในวันเดียว ในช่วงเวลาที่ศูนย์กลางการระบาดอย่างสหรัฐฯ เข้าสู่ฤดูหนาว โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เป็นสถิติเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่ 10,733 รายในวันที่ 4 พ.ย.
สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมประมาณ 11.38 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิต 248,574 ราย นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด
สหรัฐฯนำเป็นอันดับ 1 ในโลกจากตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันเฉลี่ย คิดเป็นผู้เสียชีวิต 1 ใน 12 รายที่มีรายงานทั่วโลกในแต่ละวัน อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของรอยเตอร์
ขณะที่บราซิล ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิต 166,699 ราย และอินเดีย ที่มีผู้เสียชีวิตรองลงมาคือ 130,993 ราย เป็นอีกสองประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 ราย นับตั้งแต่มีการรายงานผู้เสียชีวิตรายแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
ในยุโรป ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1.3 ล้านราย คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของโลก โดยสหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในยุโรป
โดยสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นชาติเดียวในยุโรปที่รายงานผู้เสียชีวิตกว่า 50,000 ราย รองลงมาคือิตาลี ที่มีผู้เสียชีวิต 46,464 ราย และฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิต 46,273 ราย
ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ( ซึ่งถูกขอให้แยกกักตัวเองเมื่อวันที่ 15 พ.ย.หลังจากเขามีการสัมผัสติดต่อกับผู้ที่มีผลตรวจไวรัสโควิด-19 เป็นบวก ) ตรวจพบว่าไม่ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ซึ่งกลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 2 ล้านรายในวันที่ 17 พ.ย. ผ่อนคลายขึ้นจากไวรัสในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันต่ำที่สุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันที่ 16
พ.ย.
แม้จะเผชิญกับสภาวะว่างงานและธูรกิจทรุดตัว แต่รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปก็กลับมาใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง ทั้งมาตรการเคอร์ฟิว ปิดร้านค้าไม่จำเป็นและควบคุมการเดินทาง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้ว่าการรัฐกลับมาประกาศใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
โดยหลายรัฐขอให้พลเมืองยังคงระมัดระวังตัวในช่วงวันหยุดเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ไม่มีการสัมผัสติดต่อใกล้ชิดกับญาติพี่น้องในการฉลองที่บ้าน