สหรัฐฯจ่ายค่า THAAD ให้เกาหลีใต้ก่อน
หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเรื่องที่ว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่า ระบบ THAAD ที่ติดตั้งในเกาหลีใต้ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ จึงรีบออกตัวว่า สหรัฐฯจะเป็นผู้จ่ายให้ก่อน อย่างน้อยก็ในช่วงนี้
พลโทแมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าวกับฝ่ายความมั่นคงของเกาหลีใต้ว่า สหรัฐฯจะเป็นผู้สำรองจ่ายค่าใช้จ่ายของระบบสกัดขีปนาวุธพิสัยไกล หรือ THAAD ให้ก่อน อ้างอิงจากแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 เม.ย.จากทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้
โดยนายพลแมคมาสเตอร์ขานรับกับการโต้แย้งของผู้นำสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้วกับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ในเอเชีย
“ ผมแจ้งเกาหลีใต้ว่า จะเป็นเรื่องที่เหมาะสมถ้าพวกเขาจะจ่ายค่าใช้จ่ายของระบบ THAAD” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 27 เม.ย. “ นี่เป็นระบบของกองทัพที่มีมูลค่าสูงเป็นพันล้าน”
การติดตั้งระบบ THAAD ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวเกาหลีส่วนใหญ่และยังทำลายความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศกับจีนอย่างรุนแรง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมย้ำว่า เกาหลีใต้จะเตรียมพื้นที่สำหรับการติดตั้งระบบ THAAD แต่ไม่ได้พูดถึงการจ่ายค่าใช้จ่ายของระบบ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากจรวดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
นายพลแมคมาสเตอร์ปลอบใจ คิมควอนจิน หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของเกาหลีใต้ว่า สหรัฐฯ จะยึดมั่นกับข้อตกลงที่มีอยู่ซึ่งดูจะตรงกันข้ามกับท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ แต่ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันที่ 30 เม.ย.นายพลแมคมาสเตอร์ปฏิเสธว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น
“ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ผมบอกกับทางเกาหลีใต้คือ จนกว่าจะมีการทบทวนการเจรจาใหม่ เราจะยึดมั่นในคำพูดของเรา” ท่านนายพลกล่าว
นายพลแมคมาสเตอร์กล่าวว่า แผนการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะมีการเจรจารอบใหม่ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ และ “พันธมิตรของเราทั้งหมด เราจำเป็นต้องให้ทุกคนจ่ายในสัดส่วนที่ยุติธรรม”
แต่ทางกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ไม่ได้สนใจที่จะกลับไปเจรจาในประเด็นเรื่อง THAAD ใหม่อีกครั้ง “ ผมไม่เชื่อว่า นี่จะเป็นเรื่องสำคัญพอที่จะทำให้มีการเจรจารอบใหม่” นายมุนซังกยอนโฆษกของเกาหลีใต้รายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ค.
ทั้งนี้ ทางเกาหลีใต้ได้ช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายคร่าวๆให้กับทหารสหรัฐฯ 28,500 นายที่มีฐานที่มั่นในเกาหลีใต้ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 ล้านล้านวอน ( 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อปี
ทั้งนี้ ข้อตกลงที่มีอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้จะหมดอายุลงในช่วงสิ้นปี 2561 และคาดการณ์ว่า จะมีการเจรจารอบใหม่ประมาณสิ้นปีนี้.