แคนาดาเตือนคริสต์มาสเสี่ยงระบาดหนัก
เทศกาลขอบคุณพระเจ้าในแคนาดาเพิ่งผ่านไปเดือนที่แล้ว ส่งผลทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงพุ่งทุบสถิติ ตอนนี้ ผู้นำแคนาดาออกโรงเตือนว่า เทศกาลคริสต์มาสมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
โดยวันขอบคุณพระเจ้าในแคนาดาคือวันที่ 12 ต.ค.ปีนี้ และเมื่อครอบครัวและเพื่อนๆมารวมตัวกัน ก็ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นบริเวณกว้าง รวมถึงผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตด้วย ตอนนี้ หน่วยงานสาธารณสุขเตือนว่า ระบบสาธารณสุขจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่หนักหนาเช่นนี้ได้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
“ ลดการสัมผัสติดต่อ ลดการอยู่รวมกัน นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และสิ่งที่เราทำในช่วงหลายวันและหลายสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราจะได้ทำอะไรในช่วงคริสต์มาส” นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา
การทำตัวตามสบายในสังคมเป็นเหตุผลหลักของการแพร่ระบาดในเกือบทุกพื้นที่ของแคนาดา ดร.เทเรซา แทม รมว.สาธารณสุขแคนาดาระบุ
“สิ่งขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นคือการละเลยการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงกิจกรรมทั้งในบ้านและนอกบ้านของเรา” เธอระบุ “ ในสถานที่ซึ่งมีความผ่อนคลายมาก เช่น การรวมตัวของสมาชิกในครอบครัว งานวันเกิด เทศกาลวันหยุดและกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกผ่อนคลาย แต่นี่ทำให้มันง่ายที่จะลืม และการ์ดตกกับมาตรการป้องกันต่างๆ”
เธอยังเตือนว่า ยอดติดเชื้อรายใหม่อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าใน 2 – 3 สัปดาห์ หากชาวแคนาดาไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างจริงจัง
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของรัฐออนแทรีโอเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอาจพุ่งแตะระดับวิกฤต ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ยุโรปกำลังประสบอยู่
“คุณจะเห็นผู้ติดเชื้อมากขึ้น เห็นผู้ป่วยในห้องไอซียูมากขึ้น มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในสถานดูแลผู้สูงอายุ” ดร.อดัลเลสไตน์ บราวน์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตรอนโตระบุ
การบริหารจัดการด้านสาธารณสุขเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐต่างๆ และหลายรัฐ รวมทั้งรัฐออนแทรีโอและอัลเบอร์ตา ที่กระอักกระอ่วนใจที่จะบังคับใช้มาตรการคุมเข้มมากขึ้น เนื่องจากกังวลว่าจะทำลายเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม แพทย์หลายร้อยคนจากทั่วประเทศแคนาดาเตือนว่า มาตรการคุมเข้มที่เคร่งครัดจะช่วยปกป้องโรงพยาบาลในแคนาดาไม่ให้ประสบหายนะ
“ ผมไม่เชื่อว่ามีหนทางที่จะเปลี่ยนเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ลดลง โดยไม่ได้ลงมือทำอะไร” ดร.อดัลเลสไตน์ระบุ