เงินยูโรพุ่งหลังเลือกตั้งฝรั่งเศส
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนหลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายเอ็มมานูเอล มาคร็อง นักการเมืองที่มีแนวคิดเป็นกลางมีคะแนนนำในการลงคะแนนเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเขาต้องไปสู้ต่อในรอบสุดท้ายกับนางมารีน เลอแปน ที่มีคะแนนตามมาเป็นที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ นักลงทุนมีท่าทีของความกังวลหากนายมาคร็องต้องพ่ายแพ้ในรอบแรก
เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 2% ไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ปีที่แล้วเป็นต้นมา ก่อนที่จะปรับลดลง
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดการซื้อขายด้วยตัวเลขที่สูงขึ้น โดยดัชนี Cac 40 พุ่งทะยานขึ้นถึง 4% ในช่วงการซื้อขายช่วงแรกของวัน
ออคตาวิโอ มาเรนซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่ปรึกษาวิจัยด้านการเงิน Optimas ในกรุงปารีสกล่าวว่า “ มาคร็องสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาด จากนโยบายของเขาที่จะลดภาษีนิติบุคคล และลดภาระต้นทุนด้านการบริหารให้บริษัท โดยพื้นฐานแล้ว เขาเป็นตัวแทนของความต่อเนื่อง”
แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ City Index ในกรุงลอนดอน ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกันในเรื่องนี้ โดยเธอกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งเป็นบวกเนื่องจากสองเหตุผล
“ ประการแรก มาคร็องมีเสถียรภาพทางการเมือง เป็นผู้สมัครที่มีแนวความคิดเป็นกลาง เกือบจะเป็นโอบามาของฝรั่งเศส เขาดูจะเป็นคนมือสะอาด ประการที่ 2 คือเขาช่วยให้มองเห็นถึงอนาคตของอียูและค่าเงินยูโร ซึ่งเป็นสิ่งที่มารีน เลอแปนต้องการทำลาย ”
หลังจากปิดหีบเลือกตั้ง และมีการประกาศผลการนับคะแนนเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย. ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นไป 2% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 1.09395 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 3% ต่อเงินเยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ก่อนที่จะตกลงมาอยู่ที่ 119.50 เยนในขณะที่เงินยูโรปรับสูงขึ้น 1.2% ต่อปอนด์ มาอยู่ที่ 0.8480 เพนนี
“ ปฏิกิริยาช่วงเปิดตลาดซื้อขายแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งแปลว่า หลายคนได้ตั้งรับกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ” ยูจิ ไซโต ผู้อำนวยการที่ Credit Agricole ให้ความเห็น
ทั้งนี้ นายมาคร็องที่สนับสนุนการรวมอยู่ในอียู เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของพรรคโซเชียลลิสต์จนถึงฤดูใบไม้ร่วง หลังจากนั้น เขาก็ขอลาออกมาจัดตั้งพรรค En Marche ซึ่งเสนอนโยบายสำคัญคือ การลดภาษีและการใช้จ่ายลง
ในขณะที่นางมารีน เลอแปนเน้นหาเสียงในเรื่องการสร้างงาน ระบบความมั่นคง และภัยจากการก่อการร้ายจากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง.