สหรัฐฯ เหยียดบริษัทจีน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทของจีนที่ใหญ่ที่สุดกล่าวหาสหรัฐฯว่า มีความคิดแบ่งแยกและกีดกันทางการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเป็นต้นมา
ลี ตงเช็ง ซีอีโอบริษัท TLC ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของจีนกล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลปิดกั้นการซื้อของบริษัทเทคโนโลยีอเมริกัน
โดยเขาปฏิเสธที่จะเอ่ยถึงชื่อของบริษัท แต่ย้ำว่าเกี่ยวข้องกับด้านพลเรือน ไม่ใช่ทางกองทัพ หรือเทคโนโลยี เขากล่าวว่าดีลธุรกิจต้องหยุดชะงักไปเพราะบริษัทของเขาเป็นบริษัทสัญชาติจีน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ดูจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ได้ตึงเครียดมากอย่างที่เคยกังวลกันก่อนหน้านี้
ในสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ได้มองว่าจีนควบคุมค่าเงินหยวน ซึ่งเท่ากับเป็นการกลับคำกับสิ่งที่เขาเคยพูดไว้ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
นายลี แห่งบริษัท TLC กล่าวว่า เขารู้สึกไม่พอใจที่กระบวนการทางธุรกิจไม่ก้าวหน้า ซึ่งเขาเคยหวังไว้ว่าจะสำเร็จลุล่วงตั้งแต่ในช่วงการบริหารประเทศของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
“ เราต้องการจะได้บริษัทแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ แต่ทางรัฐบาลยังไม่อนุมัติ ซึ่งทำให้เราใช้เวลาในการรอคอยนานกว่า 6 เดือนแล้ว” เขากล่าว
“ หากเราไม่ใช่บริษัทจีน ถ้าเราเป็นคนยุโรป ดีลธุรกิจนี้คงจะอนุมัติไปแล้ว หรืออาจไม่จำเป็นต้องมีการขออนุมัติใดๆ เลยด้วยซ้ำไป ”
เมื่อถูกถามว่านี่จัดว่าเป็นการแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติหรือไม่ นายลีกล่าวว่า “ ถูกต้อง มาตรการนี้ตั้งเป้าเฉพาะบริษัทของจีนเท่านั้น ”
ทั้งนี้ นายลีเป็นวิศวกรที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท TCL Corporation ซึ่งขายทั้งโทรศัพท์มือถือ เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์ทั่วโลก
บริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนที่เป็นที่รู้จักในจีน และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาบริษัทมีความพยายามและมุ่งมั่นอย่างหนักที่จะผลักดันให้บริษัทเติบโตในระดับโลก
อย่างไรก็ตาม นายลีเชื่อว่า อุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการขยายธุรกิจของบริษัทในต่างประเทศคือ นโยบายกีดกันทางการค้า
“ หากอเมริกากลับมายึดมั่นในนโยบายการกีดกันทางการค้า ผมเชื่อว่า จะเป็นการทำลายความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจประเทศสหรัฐฯ” เขากล่าว.