‘ไบเดน’ ชนะ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่
โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 273 คะแนน
โดยไบเดนใช้เวลาในช่วงเช้าของวันที่ 7 พ.ย.กับครอบครัวของเขาที่บ้านในรัฐเดลาแวร์ ขณะชมรายงานข่าวที่ว่า เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนที่ 46 หลังคว้าชัยในรัฐเพนซิลเวเนีย
ทางทีมเลือกตั้งของเขาระบุว่า เขาจะมีการแถลงกับประชาชนทั่วประเทศในคืนวันที่ 7 พ.ย.
ไบเดน วัย 77 ปี เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่มีอายุมากที่สุด เขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีนาน 8 ปีในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ถ้อยแถลงล่าสุดคืนก่อนของเขาเป็นธีมที่สำคัญคือที่น่าจดจำคือ “ โปรดอย่าลืม มันไม่ใช่แค่คะแนนเสียง แต่คือเสียงโหวตและผู้ใช้สิทธิในการโหวต ทั้งชายและหญิงที่มีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะเปล่งเสียงของพวกเขาออกมาให้เราได้ยิน ”
ชัยชนะของไบเดนส่งผลทำให้คามาลา แฮร์ริสจะเป็นรองประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ซึ่งมีเชื้อสายเอเชียใต้ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งนี้ในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หลังจากรอคอยผลการนับคะแนนมาหลายวัน 20 คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย ก็ส่งผลให้ไบเดนชนะไปในที่สุด ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 273 คะแนน ทิ้งห่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังคงได้ 213 คะแนนเท่าเดิม
สื่อ CNN รายงานว่า เป็นช่วงเวลาที่กดดันสุดๆ ในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยไบเดนได้ไป 3,336,887 คะแนน นำห่างทรัมป์กว่า 28,000 คะแนน
โดยทรัมป์เดินทางถึงสนามกอล์ฟของเขาในรัฐเวอร์จิเนีย ในเวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 7 พ.ย.ขณะที่ยังคงมีการนับคะแนนการเลือกตั้งอยู่ต่อไป
นับเป็นวันที่ 410 ที่ทรัมป์ใช้เวลากับอสังหาฯที่เป็นทรัพย์สินของเขา นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และเป็นวันที่ 299 แล้วที่เขาใช้เวลาอยู่ในสนามกอล์ฟของเขา
การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้เห็นความแตกแยกทางการเมืองของชาวอเมริกันมากยิ่งขึ้น และไบเดนจะเจอกับงานยากในการบริหารประเทศที่รออยู่ เพราะพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาสูงของสหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะบล็อกการออกกฎหมายของไบเดน ทั้งการขยายระบบประกันสุขภาพ และการต่อสู้กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ไบเดนยังต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 235,000 คน และทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นหลายล้านคน นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับประเด็นปัญหาอื่นๆอีก ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติและความโหดร้ายของตำรวจจนทำให้เกิดการประท้วงในหลายเมือง
ล่าสุด ทวีตที่ว่า “คุณถูกไล่ออก” กลายเป็นเทรนด์ทวิตเตอร์ไปแล้ว โดยประโยคนี้เป็นการล้อเลียนความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ของทรัมป์ ซึ่งเชื่อมโยงไปในอดีตที่เขาเคยทำรายการ ‘The Apprentice’ และเป็นผู้ดำเนินรายการที่ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะให้ผู้เข้าแข่งขันในรายการคนใดได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา หรือถูกไล่ออก