สหรัฐฯติดเชื้อใหม่พุ่งทุบสถิติช่วงเลือกตั้ง
วอชิงตัน – เมื่อวันที่ 4 พ.ย. สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จากโควิด-19 ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 102,591 รายในวันเดียว และโรงพยาบาลในหลายรัฐรายงานจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จากการประเมินของรอยเตอร์
โดย 9 รัฐรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันเดียวเมื่อวันที่ 4 พ.ย.คือรัฐโคโลราโด อินเดียนา เมน มิชิแกน มินเนโซตา โร้ดไอส์แลนด์ วอชิงตัน และวิสคอนซิน
การระบาดส่งผลกระทบกับชีวิตชาวอเมริกันในเกือบทุกมิติ รวมทั้งการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ที่สูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากหลายคนมีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดในหน่วยเลือกตั้ง
นอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ในวันที่ 3 พ.ย. ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลก็สูงถึง 50,000 รายเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน
โดยรัฐเนวาดามีเตียงในห้องไอซียูเหลือเพียง 3 เตียงเท่านั้นทั่วทั้งรัฐในวันที่ 4 พ.ย. รัฐนอร์ธ ดาโกตารายงานว่ามีเตียงในห้องไอซียูเพียง 4 เตียง และเป็น 1 ใน 14 รัฐที่มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลสูงทุบสถิติ
การรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นมาตรวัดสำคัญเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการตรวจทดสอบหาเชื้อ
สัดส่วนผลการตรวจหาเชื้อเป็นบวกมากกว่า 50% ในรัฐเซาธ์ดาโกตา และกว่า 40% ในรัฐไอโอวาและไวโอมิง
โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่า อัตราที่มากกว่า 5% นั้นน่ากังวล เพราะชี้ให้เห็นถึงการติดเชื้อในชุมชนที่ตรวจสอบไม่พบ
จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มีแนวโน้มจะสูงขึ้น แต่ไม่สูงเท่าอัตราการติดเชื้อ โดยสหรัฐฯ มีอัตราผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 850 รายต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 700 รายต่อวัน
ในภูมิภาคมิดเวสต์มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากที่สุด อ้างอิงจากอัตราการติดเชื้อรายใหม่ต่อจำนวนประชากรในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
รัฐอิลลินอยส์รายงานผู้ติดเชื้อ 48,549 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มากกว่ารัฐอื่นๆ ขณะที่รัฐเท็กซัส ซึ่งมีจำนวนประชากรมากกว่าสองเท่า รายงานผู้ติดเชื้อ 47,932 ราย และทั้งรัฐแคลิฟอร์เนียกับฟลอริดารายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 30,000 ราย