ทองพุ่งไตรมาสแรกปีนี้
ราคาทองพุ่งทะยานขึ้นทำสถิติแข็งแกร่งที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2560 นี้ โดยมีราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 8%
นี่เป็นไตรมาสที่ทำกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2559 เป็นต้นมา ซึ่งราคาทองปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 16% อ้างอิงจากข้อมูลของ ICE Benchmark Administration Limited ที่จริงแล้ว ราคาทองปรับดพิ่มขึ้นในแดนบวกในไตรมาสแรกของปีมากถึง 8 ใน 10 ไตรมาสแรกล่าสุด
นายเอเดรียน แอช หัวหน้าแผนกวิจัยของ Bullion Vault กล่าวว่า หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทองได้กำไรคือ ความผันผวนที่กระทบทรัพย์สินประเภทอื่น
“ ดีมานด์ในจีนที่ฟื้นขึ้นทำให้ราคาทองในเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งไปอยู่ที่ 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ตั้งแต่เริ่มปีใหม่ ยิ่งทำให้มีแรงสนับสนุนทางกายภาพเพิ่มขึ้นในราคาทอง ซึ่งขาดหายไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว”
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ( คืออัตราดอกเบี้ยลบด้วยเงินเฟ้อ) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ อ้างอิงจากนายแฟรงค์ โฮมส์ ซีอีโอของ U.S. Global Investors ถ้าอัตราดอกเบี้ยติดลบ อย่างเช่นในสหราชอาณาจักรหรือสหรัฐฯ ราคาทองจะขยับขึ้น
“ ยิ่งอัตราดอกเบี้ยติดลบมากเท่าไร ราคาทองก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น” เขาให้สัมภาษณ์ในรายการ Squawk Box ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา
“ รัฐบาลจ่ายดอกเบี้ยให้คุณ 0.5 % มานาน 5 ปี หักลบกับตัวเลขเงินเฟ้อ 2% คุณก็กำลังขาดทุนอยู่ถึง 1.5%”
ทั้งนี้ เขาแนะนำว่า นักลงทุนควรมีทองเก็บไว้ 10% ในพอร์ทการลงทุนและปรับสมดุลไตรมาสละครั้ง
ถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเพิ่งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นครั้งล่าสุดในเดือนมี.ค.นี้ แต่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐฯ ยังลดต่ำลง โดยในช่วงระหว่างเดือนพ.ย.- ก.พ. ดอกเบี้ยปรับลดลงไปต่ำสุดอยู่ที่ -2.1% อ้างอิงจากข้อมูลของนายเอเดรียน แอช
“ การพูดคุยปรึกษาหารืออย่างเข้มข้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะไม่มีผลอะไรเลย หากอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกับตัวเลขเงินเฟ้อ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมในบรรดาสินทรัพย์สำคัญที่ซื้อขายได้ มีเพียงเงินเท่านั้นที่มีตัวเลขพุ่งแซงทองไปได้ในไตรมาสนี้ โดยเพิ่มขึ้นถึง 13.5% นับตั้งแต่เข้าปีใหม่มา เนื่องจากเป็นวิธีที่มีราคาถูกที่จะเล่นและรับมือกับความล้มเหลวของเฟดที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตัวเลขเงินเฟ้อ”.
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 34.63 บาท / 1 เม.ย.2560