รัฐวิกตอเรียติดเชื้อต่ำสุดใน 2 สัปดาห์
ซิดนีย์ : เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในออสเตรเลีย รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ หลังมีการระบาดรอบสองที่ทำให้มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เคร่งครัดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการระบาดรอบสองที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 รายในรัฐวิกตอเรีย ( คิดเป็นกว่า 90% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากไวรัส 897 ราย) ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบสองสัปดาห์คือต่ำกว่า 10 ราย
มาตรวัดเป็นกุญเจสำคัญเนื่องจากรัฐบาลในรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศมีความลังเลใจที่จะคลายล็อกมาตรการคุมเข้มจนกว่าค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อในรอบ 2 สัปดาห์จะต่ำกว่า 5 ราย
“ ยุทธศาสตร์ได้ผลดี” แดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีของรัฐกล่าวกับสื่อในการแถลงข่าว “ ความสำเร็จสูงสุดคือสามารถระบุผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการได้และมีการตรวจหาเชื้อ”
จนถึงตอนนี้ ออสเตรเลียรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 27,000 ราย โดยในรัฐวิกตอเรียคิดเป็นประมาณ 75% ของการติดเชื้อ ใน 24 ชม.ก่อนหน้านี้ ทางรัฐตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 รายและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย จากข้อมูลของแอนดรูว์ส
ในรัฐติดกันอย่างรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุด ทางการพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐเพิ่มอีก 3 รายชั่วข้ามคืน ทำให้สถิติ 11 วันที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยถูกทำลายลง
“ เป็นเรื่องน่ากังวลเมื่อคุณมีการแพร่เชื้อในชุมชนจำนวนหนึ่ง แต่เราจะมีผู้ติดเชื้อผุดขึ้นมาอีก เพราะเรายังอยู่ในการระบาด แต่เรายังคงอยู่ในเศรษฐกิจเปิด ที่ซึ่งประชาชนมีภาระด้านธุรกิจ” แกลดีส เบเรจิคเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาธ์เวลส์กล่าวกับสื่อ
แม้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียจากโควิด-19 ลดต่ำลง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่สถานการณ์การระบาดได้ฉุดให้เศรษฐกิจของประเทศจมดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค. รัฐบาลที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมของออสเตรเลียเปิดเผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนในการหนุนงานและช่วยให้เศรษฐกิจประเทศออกจากภาวะถดถอยครั้งประวัติศาสตร์
ประเมินว่างบประมาณของประเทศจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึงสิ้นปีนี้ จะมีการเปิดพรมแดนระหว่างรัฐส่วนใหญ่อีกครั้ง และวัคซีนจะพัฒนาแล้วเสร็จภายในปี 2564