ผู้หญิงประท้วงทรัมป์ในวันสาบานตน
ผู้หญิงจำนวนมากมาชุมนุมประท้วงบนถนนหลายสายในกรุงวอชิงตันดีซี เมืองหลวงของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
โดยผู้หญิงนับแสนคน (ซึ่งส่วนใหญ่สวมหมวกถักไหมพรมสีชมพูเพื่อให้นึกถึงความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เคยพูดจาเหยียดเพศหญิง) ยืนรวมกลุ่มกันไปตามถนนในกรุงวิชิงตันดีซีรอบทำเนียบขาวและ National Mall นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้หญิงที่ชุมนุมประท้วงมากขึ้นในนิวยอร์ก ลอส แองเจลิส ชิคาโก และบอสตันเพื่อประท้วงประธานาธิบดีทรัมป์ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่ง
ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่พอใจชาวอเมริกันที่มีแนวคิดเสรีนิยม จากความเห็นของเขาที่เหยียดผู้หญิง ชาวเม็กซิกันและชาวมุสลิม เขาได้ก่อให้เกิดความกังวลไปทั่วโลกจากคำสาบานตนที่ว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” ในการตัดสินใจของเขา
ทั้งนี้ มีผู้หญิงที่เดินขบวนไปตามเมืองใหญ่หลายร้อยเมืองทั่วโลก ประเมินว่าจำนวนผู้หญิงทั้งหมดที่มาร่วมประท้วงมีมากกว่า 4 ล้านคนทั่วโลก
โดยกลุ่มผู้หญิงที่มาชุมนุมประท้วงในวอชิงตันดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่าที่อื่น ไม่มีการประมินตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่องค์กรผู้ประสานงานคาดการณ์ว่า จะมีจำนวนผู้หญิงมากถึง 200,000 คน
ผู้จัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่มีชื่อว่า“ซิสเตอร์ มาร์ช” ประเมินว่ามีผู้เข้าร่วมในการประท้วงถึง 750,000 คนตามท้องถนนในนครลอส แองเจลิส และคาดว่าในชิคาโกก็จะมีจำนวนผู้ประท้วงมากเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในชิคาโกกล่าวว่า มีผู้เข้าร่วมในการชุมนุมมากกว่า 125,000 คน
การประท้วงครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การแตกแยกในสหรัฐฯ ทวีความร้าวลึก จากความขมขื่นที่เกิดขึ้นตั้งแต่ทราบผลการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว โดยประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้ผู้คนตกตะลึงด้วยการเอาชนะนางฮิลลารี คลินตันตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและอดีตสตรีหมายเลข 1 ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ลงชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นางแพม ฟอยสเตอร์ ประชาชนในรัฐโคโลราโดกล่าวว่า บรรยากาศการประท้วงในวอชิงตันทำให้เธอนึกถึงการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ทั้งการประท้วงสงครามเวียดนาม สิทธิพลเมืองและสิทธิผู้หญิง “ ดิฉันอายุ 58 ปีแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าต้องมาประท้วงอย่างนี้อีกครั้ง ” นางฟอยสเตอร์กล่าว
ถึงแม้พรรครีพับลิกันจะคุมเสียงข้างมากทั้งทำเนียบขาวและสภาคองเกรสทั้งสองสภา แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากหลายภาคส่วนเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง
จากโพลล์ของสำนักข่าวเอบีซีและวอชิงตันโพสต์ชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับคะแนนความนิยมจากชาวอเมริกันต่ำที่สุดในรอบ 40 กว่าปี
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงหลายแสนคนรวมตัวกันเต็มถนนในเมืองแมนฮัตตัน ขณะที่ทั่วโลก มีผู้หญิงประท้วงไปตามถนนในนครซิดนีย์ ลอนดอน โตเกียว และเมืองอื่นๆในยุโรปและเอเชียจากแคมเปญ “ ซิสเตอร์ มาร์ช ” ที่ต่อต้านผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ.