ส่งออกจีนซบเซาเกินคาด
ตัวเลขส่งออกของจีนดิ่งลงมากกว่าที่เคยคาดการณ์ในเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาจากการค้าทั่วโลกที่ยังชะลอตัวขณะที่การนำเข้ายังคงเติบโตอย่างตอเนื่อง อ้างอิงจากข้อมูลเมื่อวันที่ 13 ม.ค.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ว่า การส่งออกในเดือนธ.ค.ลดลง 6.1 % จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. อ้างอิงจากข้อมูลอย่างเป็นทางการของภาครัฐ โดยการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ลดลงจากที่เคยขยายตัวถึง 6.7% ในเดือนพ.ย. ทำให้ดุลการค้าของเดือนธ.ค.อยู่ที่ 40,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับ 44,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.
โดยโพลล์นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดการณ์ว่า การส่งออกจะลดลง 3.5% การนำเข้าจะขยายตัว 2.4% และได้ดุลการค้ารายเดือนอยู่ที่ 46,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับปี 2559 ตัวเลขการส่งออกลดลง 7.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา อ้างอิงจากรอยเตอร์ ตัวเลขนำเข้าลดลง 5.5% ซึ่งทำให้จีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกได้ดุลการค้าในปี 2559 สูงถึง 509,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเมื่อคิดเป็นเงินหยวน ตัวเลขส่งออกลดลง 2% ขณะที่ตัวเลขนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.6%
โฆษกของกรมศุลกากรเตือนว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและความได้เปรียบที่่อ่อนแรงลงอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการทางการค้าของจีนในปี 2560 นี้ แต่ทางโฆษกรายงานว่า จีนจะสามารถรับมือกับความท้าทายนี้ได้
ถึงแม้ตัวเลขที่ออกมาจะไม่ค่อยดีนัก แต่ข้อมูลล่าสุดนี้ก็ยังไม่น่ากังวล อ้างอิงจากความเห็นของนายเฉิน เจียนกวง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Mizuho Securities Asia ประจำจีนที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
โดยนายเฉินอธิบายว่า ยอดส่งออกที่ลดลง 6.1% ในเดือนธ.ค.ยังไม่แย่มาก เนื่องจากค่าแรงปรับขึ้นเกือบ 10% และเงินหยวนยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นส่วนใหญ่
หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี ค่าเงินที่อ่อนค่าลงทำให้สินค้าของจีนมีราคาที่ดึงดูดใจมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสามารถอธิบายตัวเลขการส่งออกที่แข็งแกร่งในเดือนพ.ย.ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ รายงานเมื่อวันที่ 13 ม.ค. รวมทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่จะเปิดเผยในวันที่ 20 ม.ค. นี้จะเป็นตัวบ่งชี้สุดท้ายก่อนการบริหารงานของนายทรัมป์จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะเป็นความเคลื่อนไหวที่มีความเปลี่ยนแปลงต่อบรรยากาศการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก อ้างอิงจากความเห็นของนายเลแลนด์ มิลเลอร์ ประธาน China Beige Book International
การขยายตัวของตัวเลขส่งออกจะถูกจำกัดหากนายทรัมป์ตัดสินใจใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน รอยเตอร์อ้างถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่จีนเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา “ จีนจะเป็นผู้แพ้รายใหญ่ที่สุดจากแนวโน้มการต่อต้านกระแสโลกาภิวัฒน์ ” ที่ผ่านมา จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้เปรียบจากกระแสโลกาภิวัฒน์ รัฐบาลจีนจึงมีความกังวลมากเกี่ยวกับนโยบายการบริหารเศรษฐกิจของนายทรัมป์.
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.61 บาท / 14 ม.ค. 2560