ทรัมป์ส่งต่อธุรกิจให้ลูกชาย
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่กล่าวว่า เขาได้ส่งมอบอาณาจักรธุรกิจของเขาให้แก่บุตรชายทั้งสองคนคือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์และนายเอริค ทรัมป์
ในการแถลงข่าวกับสื่อ เขากล่าวว่าเขาได้มอบอำนาจในการควบคุมบริษัททั้งหมดโดยสมบูรณ์ให้กับบุตรชายทั้งสองคนเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
โดยนางสาวเชรี ดิลลอน ทนายความของนายทรัมป์กล่าวว่า ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ได้ถอนตัวออกจากธุรกิจทั้งหมดของเขาแล้ว แต่สำนักจริยธรรมรัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่า แผนการของนายทรัมป์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
ในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายทรัมป์ หลังจากชนะการเลือกตั้งมาเมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว นางสาวดิลลอนอธิบายว่าธุรกิจทั้งหมดของนายทรัมป์จะถูกโอนไปให้บุตรชายทั้งสองของเขาและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน แอลเลน วีเซลเบิร์ก ก่อนที่นายทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.นี้
“ ทั้งดอน เอริค และแอลเลนจะมีอำนาจในการบริหารธุรกิจของคุณทรัมป์และตัดสินใจโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ” นางสาวดิลลอนกล่าว
ทั้งนี้ สำนักจริยธรรมรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นหน่วยงานเฝ้าระวังไม่ให้คณะรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ เพื่อความโปร่งใสในการบริหารประเทศ
นายวอลเตอร์ ชาร์บ ผู้อำนวยการของสำนักจริยธรรมรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า “ ผมหวังว่าองค์กรของเราจะมีฟีดแบคที่ดีกับแผนของเขาที่เขาอาจเลือกที่จะปรับเปลี่ยนอีก ซึ่งจะช่วยให้เขาแก้ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้ดีขึ้น ”
เขากล่าวว่า เขารู้สึกดีใจเมื่อเดือนพ.ย.เมื่อนายทรัมป์ทวีตข้อความว่า เขาไม่มีทางจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของเขาอย่างเด็ดขาด “ โชคไม่ดีที่แผนการในปัจจุบันของเขาไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ” เขากล่าว
โดยนายชาร์บชี้ว่า ประธานาธิบดีทุกคนตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมา จะนำทรัพย์สินมาใส่ไว้ในกองทุนลับ ซึ่งบริหารงานอย่างอิสระโดยบุคคลอื่น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์สินของประธานาธิบดี หรือจำกัดปริมาณการลงทุนในกองทุนที่มีความหลากหลาย ซึ่งได้รับการยกเว้นภายใต้กฎหมายผลประโยชน์ทับซ้อน
“ นี่ไม่ใช่กองทุนลับ ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ ลูกชายของเขายังบริหารธุรกิจอยู่ และแน่นอนที่เขารู้ว่าเขาเป็นเจ้าของอะไรบ้าง ” นายชาร์บสรุปว่า เขารู้สึกดีที่จะเสนอความช่วยเหลือนายทรัมป์ และสตาฟของเขาพร้อมที่จะช่วยหากนายทรัมป์ตัดสินใจจะปรับเปลี่ยนแผน
นางสาวดิลลอนกล่าวว่า นายทรัมป์ต้องการเคลียร์ตัวเองว่าจะไม่มีการใช้อำนาจในฐานะประธานาธิบดีเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยจะไม่มีการตกลงดีลธุรกิจใหม่กับต่างประเทศในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และการทำข้อตกลงทางธุรกิจในประเทศจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ เธอยังรายงานว่า ทางกลุ่มบริษัทของนายทรัมป์ยังได้ยกเลิกข้อตกลงมากกว่า 30 ดีลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
ในการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ นายทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ปฏิเสธดีลธุรกิจมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเมืองดูไบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขาได้ละทิ้งผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมดแล้ว.