เมลเบิร์นยกเลิกเคอร์ฟิว
ซิดนีย์ : ทางการรัฐวิกตอเรียประกาศยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวในเมืองเมลเบิร์นตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.เป็นต้นไป หลังบังคับใช้มาตรการนี้มานานเกือบสองเดือนเพื่อควบคุมการระบาดระลอกสองของโควิด-19
แดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียระบุว่า ชาวเมืองเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้อย่างอิสระ ทั้งการไปทำงาน ออกกำลังกาย หรือไปซื้อสินค้าจำเป็นในเวลาใดก็ได้
มีการผ่อนคลายมาตรการนี้หลังจากมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 16 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 รายในรัฐวิกตอเรียในวันที่ 27 ก.ย. และจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวต่ำกว่า 400 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 30 มิ.ย.เป็นต้นมา
มาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาล มีการบังคับใช้ในเมืองเมลเบิร์นตั้งแต่ 2 ส.ค. พร้อมมาตรการคุมเข้มอื่นๆเนื่องจากเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 5 ล้านคนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงเดินทางได้ไม่ไกลเกินรัศมี 5 กม.จากที่อยู่อาศัย และสำหรับผู้ละเมิดจะมีโทษปรับสูงเกือบ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เมืองเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของออสเตรเลียในเดือนส.ค.หลังจากระบบความปลอดภัยผิดพลาด มีผู้ที่หลบหนีออกจากโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่กักตัวสำหรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ
แอนดรูว์สระบุว่า การยกเลิกมาตรการคุมเข้มอื่นๆ ทำให้แรงงานจำนวนมากในหลายอุตสาหกรรมกลับไปทำงานได้ และมีการประกิบกิจกรรมทางศาสนากลุ่มเล็กๆได้
นักเรียนโรงเรียนประถมจะสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ตั้งแต่กลางเดือนต.ค. และศูนย์ดูแลเด็กเล็กจะเปิดให้บริการได้ทันที
การไปโรงพยาบาลและสถานดูแลผู้สูงอายุสามารถทำได้พร้อมมาตรการคุมเข้ม แต่ยังห้ามไปเยือนบ้าน และจำกัดการรวมกลุ่มกันกลางแจ้งไม่เกิน 5 คนจากสองครัวเรือน
แอนดรูว์สระบุว่า มีหลักฐานที่ไม่สามารถแย้งได้ว่า บ้านเป็น “หนึ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด” ในการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา
“ เพราะบ้านเป็นที่ซึ่งทุกคนไม่ระวังตัว ไม่มีการรักษาระยะห่าง ไม่มีการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด” เขาระบุ
ที่ผ่านมา ออสเตรเลียประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 27,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 872 ราย
ภูมิภาคส่วนใหญ่ในประเทศมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง หรือไม่มีเลย ทำให้มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มลงทั่วประเทศ