ผู้ก่อการร้ายอิสลามเป็นบททดสอบสำคัญของเยอรมนี
ผู้ก่อการร้ายจากรัฐอิสลามเป็นบททดสอบที่สำคัญที่สุดที่เยอรมนีต้องเผชิญ อ้างอิงจากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. และเธอปฏิญาณว่าจะปรับปรุงกฎหมายเพื่อความมั่นคง
หลังจากเกิดเหตุโจมตีก่อนเทศกาลคริสต์มาสที่กรุงเบอร์ลิน
โดยเธอบรรยายว่า ปี 2559 เป็นปีที่โลกตีลังกาพลิกกลับ นายกฯ แมร์เคิล ได้กระตุ้นให้ชาวเยอรมันละทิ้งรูปแบบประชานิยม และกล่าวว่าเยอรมนีมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาที่จะกระทบกับสหภาพยุโรป
“ หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2559 เป็นความรู้สึกว่า โลกกำลังตีลังกา หรือ สิ่งที่เคยเป็นความสำเร็จกลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถาม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสหภาพยุโรป” นายกฯ แมร์เคิลกล่าว
“ หรือในส่วนของประชาธิปไตยของระบบรัฐสภา ซึ่งไม่ได้รองรับความสนใจของประชาชนทั้งหมด แต่ได้เพียงบางส่วน ช่างเป็นสัดส่วนที่บิดเบี้ยวอะไรเช่นนี้”
โดยผู้นำเยอรมนีเปรียบเทียบว่า เบร็กซิทเป็นการผ่าตัดในระดับลึก และกล่าวว่า ถึงแม้อียูจะชะลอตัวลงและยากลำบาก สมาชิกทุกประเทศควรจะมุ่งความสนใจไปที่ความสนใจที่จะเปลี่ยนผ่านผลประโยชน์ของนานาชาติ
“ ใช่เลยที่ยุโรปควรจะมุ่งเน้นสิ่งที่ดีกว่ากับประเทศชาติของเรา” นายกฯ แมร์เคิลกล่าว “ แต่ประชาชนชาวเยอรมันไม่ควรมีความคิดที่ว่า เราจะมีอนาคตที่ดีขึ้นด้วยการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว”
จำนวนผู้อพยพลี้ภัยเข้ามาในเยอรมนีที่มากกว่า 1 ล้านคนในปี 2559 ส่งผลกระทบด้านลบต่อคะแนนความนิยมในตัวผู้นำเยอรมนีและทำให้แรงสนับสนุนในพรรค AfD เพิ่มมากขึ้น โดยพรรค AfD มีแนวความคิดที่ต้องการให้เยอรมนีแยกตัวออกจากอียูและปิดพรมแดนไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยอีก อย่างไรก็ตาม พรรคของเธอยังคงคาดหวังว่า นายกฯ แมร์เคิลจะชนะการเลือกตั้งทั่วไปในอีก 9 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ หากนายกฯ แมร์เคิล ชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง เธอจะเป็นผู้นำประเทศในสมัยที่ 4
โดยในถ้อยแถลงของเธอ เธอกล่าวว่า รัฐบาลจะมีมาตรการที่จะปรับปรุงพัฒนาด้านความมั่นคง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้อพยพชาวตูนิเซียขับรถบรรทุกพุ่งเข้าไปในตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12 ราย
ผู้ก่อเหตุร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. และยังมีการสืบสวนอย่างต่อเนื่องว่ามีผู้ร่วมลงมือกับเขาในการก่อเหตุร้ายครั้งนี้หรือไม่
อ้างอิงจากโพลล์ของ YouGov หลังจากเกิดเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ มีประชาชนชาวเยอรมันถึง 73% ที่ต้องการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น และ 60% ต้องการให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในสถานที่สาธารณะมากยิ่งขึ้น.