ญี่ปุ่นจะทบทวนราคายาทุกปี
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะพิจารณาทบทวนราคายาทุกปี แทนที่ของเดิมคือทุก 2 ปี เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของประชาชน อ้างอิงจากข้อมูลของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการตัดสินใจโดยตรงเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.
โดยความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงการรับมือกับราคายาที่พุ่งทะยานสูงขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะพิจารณาราคายาตามใบสั่งแพทย์แทนที่การจำกัดรายชื่อที่ร้านยาจะขายให้ในราคาที่แพงกว่าราคายาคู่แข่งในต่างประเทศ เนื่องจากระบบในปัจจุบันถูกวิจารณ์ว่า ทำให้ราคายาเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่มีความจำเป็นในญี่ปุ่น
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการประกาศลดราคายาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งในญี่ปุ่นคือ Opdivo ลง 50% โดยยานี้ถูกพัฒนาโดยบริษัท Bristol Myers Squibb Co’s และ Ono Pharmaceutical Co และก่อนหน้านั้นก็มีการลดราคายาที่ใช้ในการรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี คือ Sovaldi ซึ่งพัฒนาโดย Gilead Science Inc’s
นายโยชิฮิเดะ ซูกะ ซึ่งเคยมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมาถึง 4 คณะรวมถึงตำแหน่งหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและนายยาสุฮิสะ ชิโอซากิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีการตัดสินใจร่วมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ธ.ค. อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยนาม เนื่องจากทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์ที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อ
โดยการปรับปรุงยกเครื่องเรื่องราคายานี้ เป็นไปตามคำแนะนำของคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ซึ่งมองว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาได้ถึง 190,000 ล้านเยนต่อปีและจะลดงบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐลงได้ถึง 48,000 ล้านเยน
การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกคัดค้านจากบริษัทผู้ผลิตยาทั้งจากต่างประเทศและในประเทศญี่ปุ่นเอง โดยชี้ว่าจะกระทบต่อนวัตกรรมการผลิตยา เนื่องจากมีความไม่มั่นคงเหนือการกำหนดราคา
ทั้งนี้ อุตสากรรมยาทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการออกผลิตภัณฑ์ยาตัวใหม่ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ แต่ราคาที่สูงลิ่วทำให้เกิดการประท้วงในตลาดประเทศตะวันตกหลายแห่ง
โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้สัญญาเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้ว่า จะลดราคายาลงมา ขณะที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปพยายามจะยึดมั้่นในการรักษาที่ใช้เงินให้น้อยลง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ รองลงมาจากสหรัฐฯ และจีนแต่ตัวเลขการขยายตัวต่อปีในแง่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากปี 2554 – 2559 ประเมินว่ามีเพียง 2% เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวทั่วโลกคือ 6.2% อ้างอิงจาก Quintiles IMS.