เฮอร์ริเคน ‘แซลลี’ ถล่มเมืองชายฝั่งสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พายุเฮอร์ริเคน ‘แซลลี’ โหมกระหน่ำทำให้ต้นไม้ล้ม น้ำท่วมถนน บ้านเรือนหลายแสนหลังและธุรกิจไฟดับหมด โดยศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งสหรัฐฯระบุว่าเป็นพายุที่สร้างหายนะครั้งประวัติศาสตร์ของชายฝั่งแอละบามา-ฟลอริดา
โดยเฮอร์ริเคนแซลลี ซึ่งโถมขึ้นฝั่งในช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ย.ใกล้เมืองกัลฟ์ชอร์ส รัฐแอละบามา เป็นพายุที่มีความรุนแรงระดับ 2 และลดระดับลงในช่วงบ่ายกลายเป็นพายุโซนร้อนที่มีกำลังแรงลมลดลงเหลือ 113 กม./ชม.
หลายพื้นที่ของเมืองกัลฟ์ชอร์สถูกน้ำท่วมสูงกว่า 46 ซม.ในช่วง 24 ชม.ก่อนหน้า และคาดว่าอาจมีผลกระทบมากขึ้นอีกแม้แรงลมของพายุจะลดลงแล้วก็ตาม จากรายงานของศูนย์เฮอร์ริเคน
ประชาชนหลายคนที่อาศัยตามชายฝั่งแอละบามาระบุว่า พวกเขาได้รับผลกระทบจากพายุที่เคลื่อนตัวเอื่อยๆ แต่สามารถพัดรถพ่วงรถบรรทุกพลิกกลับไปค้างอยู่อีกฝั่งของทางหลวงแอละบามา
“ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันแปลกมาก เพราะพายุมันเคลื่อนตัวเอื่อยๆ ถ้ามันพัดผ่านเราไปเลย เราคงไม่เป็นไร” โคดี้ ฟิลลิป ผู้จัดการร้านอาหารทะเล Desoto ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดในเมืองกัลฟ์ชอร์สกล่าว
ขณะที่ชุมชนชายฝั่งที่เพนซาโคลา รัฐฟลอริดา มีน้ำท่วมสูงถึง 5 ฟุต และการเดินทางมีปัญหาจากถนนและสะพานพังเสียหาย บ้านกว่า 5 แสนหลังคาเรือนและธุรกิจทั่วพื้นที่ถูกตัดขาดไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากพายุพัดโค่นต้นโอ๊ก และทำสายไฟหลุดขาดจากเสาไฟ
ตำรวจในเพนซาโคลาขอให้ชาวเมืองอย่าขับรถยนต์ออกมาดูความเสียหายที่เกิดจากลมแรงของพายุ
“เราเห็นคนออกมาดูกันเยอะมาก ทำให้เราทำงานได้ช้าลง โปรดอยู่บ้าน !” ตำรวจของเมืองโพสต์บนทวิตเตอร์
โดยพายุเคลื่อนตัวช้าๆ ด้วยความเร็วเพียง 8 กม./ชม. ไปทางพรมแดนแอละบามา-ฟลอริดา แต่คาดการณ์ว่าความเร็วของแรงลมจะสูงขึ้นอีกหลังจากนี้
“ ฝนตกหนักมากจากพายุ เหมือนเป็นเรื่องไม่จริงเลย ” แควิน ฮอลลีแลนด์ วัย 50 ปี ซึ่งอพยพออกจากบ้านและไปพักพิงที่เมืองโมไบล์ ในแอละบามากล่าว เขามองเห็นความเสียหายจากพายุเมื่อวันที่ 16 ก.ย. โดยพื้นที่ห่างไกลมีปริมาณน้ำฝนมากถึง 89 ซม. ก่อนที่พายุแซลลีจะผ่านไป
ในระหว่างขึ้นฝั่งที่กัลฟ์ชอร์ส แรงลมของพายุแซลลีอยู่ที่ 168 กม./ชม.และตามแนวชายฝั่ง ท่าเรือได้รับผลกระทบจากสตอร์มเซิร์จและกำลังแรงลม
เคย์ ไอวี ผู้ว่าการรัฐแอละบามาแจ้งให้ประชาชนอย่าออกนอกบ้านเพื่อสำรวจความเสียหายหากไม่จำเป็น และอยู่ให้ห่างจากเสาไฟฟ้าและต้นไม้ที่หักโค่น
ชัค วัตสัน จาก Enki Research ซึ่งติดตามเส้นทางของพายุและหายนะที่เกิดขึ้น คาดการณ์ว่าความเสียหายจากพายุแซลลีจะสูงถึง 2,000 – 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แซลลีเป็นพายุลูกที่ 18 ที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกในปีนี้ และเป็นพายุโซนร้อน หรือเฮอร์ริเคนลูกที่ 8 ที่ขึ้นฝั่งในสหรัฐฯ
พายุแซลลีทำให้ฐานการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่อ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯต้องปิด โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งระงับหรือชะลอการดำเนินการ ซ้ำเติมสถานการณ์ความเสียหายให้มากขึ้นจากเดิมที่ได้รับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนลอราในเดือนส.ค. และดีมานด์ที่หายไปจากโรคระบาดโควิด-19