สหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี
ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากเดิม 0.5% เป็น 0.75% เนื่องจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งขึ้นมากและตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
แต่ทางธนาคารกลางรายงานว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
แจเน็ท เยลเลน ประธานเฟดกล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่มั่นคงสูงและและการขยายตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเจียมเนื้อเจียมตัว
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การบริหารจัดการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้ดอกเบี้ยปรับเพิ่มเร็วขึ้นในปีหน้า เธอกล่าวในงานแถลงข่าวหลังการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย
โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยสัญญาว่า จะหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตด้วยการลดภาษีการใช้จ่ายและการผ่อนคลายกฎระเบียบที่ยุ่งยากลง
นางเยลเลน ประธานเฟดกล่าวว่า เป็นความคิดที่ผิดที่จะคาดเดายุทธศาสตร์เศรษฐกิจของนายทรัมป์โดยปราศจากรายละเอียดที่มากกว่านี้
แต่เธอกล่าวเสริมว่า สมาชิกบางคนในคณะกรรมาธิการตลาดเปิดกลาง (FOMC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยมีปัจจัยที่จะคาดการณ์ถึงการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ FOMC คาดการณ์ว่า จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งมากกว่าเดิมคือ 2 ครั้งที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
ถึงแม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าเป้า 2% ของเฟดก็ตาม แต่ทางเฟดคาดการณ์ว่าตัวเลขจะค่อยๆ ขยับขึ้นในระยะกลาง
“ คณะกรรมาธิการคาดการณ์ว่าสภาพเศรษฐกิจจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าดอกเบี้ยของเฟดจะค่อยๆปรับเพิ่มขึ้น ” อ้างอิงจากถ้อยแถลงของเฟด
นอกจากนี้ ทางเฟดยังรายงานว่า “ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดมีแนวโน้มจะต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ในระยะยาวกว่านี้ ”
ทางเฟดยังได้เผยแพร่การคาดการณ์เศรษฐกิจสำหรับ 3 ปีหน้าไว้ดังนี้
- ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มเป็น 4% ในปีหน้า 2.1% ในปี 2561 และ 2.9% ในปี 2562
- ตัวเลขจีดีพีจะเพิ่มเป็น 1% ในปีหน้าและจะคงอยู่อย่างนั้นหลายปี
- อัตราการว่างงานจะลดลงไปอยู่ที่ 5% ในช่วงปี 2560 – 2562
- เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 9% ในปีหน้า และจะคงอยู่ในระดับนั้นต่อไปอีก 2 ปี