อินเดียติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 4 ล้านคน
นิวเดลี : เมื่อวันที่ 5 ก.ย. อินเดียกลายเป็นประเทศที่สามในโลกที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเกิน 4 ล้านราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดในวันเดียวกันด้วย ขณะที่วิกฤตยังไม่มีสัญญาณว่าจะถึงจุดพีค
ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 86,432 รายในวันที่ 5 ก.ย. ทำให้อินเดียยังอยู่ในอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯที่มีจำนวนผู้ป่วยสะสมจากโควิด-19 สูงกว่า 6.3 ล้านราย และไล่ตามบราซิลที่มียอดผู้ป่วยสะสมในตอนนี้อยู่ที่ 4.1 ล้านราย
ขณะที่รัฐบาลคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ อินเดียมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่กว่า 80,000 รายต่อวันและมีผู้เสียชีวิตต่อวันมากที่สุดกว่า 1,000 ราย
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดีย พุ่งขึ้นจาก 3 ล้านรายเป็น 4 ล้านรายภายในเวลาเพียง 13 วัน เร็วกว่าสหรัฐฯและบราซิล
โควิด-19 ไม่เพียงแพร่ระบาดไปทั่วพื้นที่ชนบทของประเทศ ซึ่งมีระบบสาธารณสุขที่ย่ำแย่เท่านั้น แต่ยังระบาดไปในเมืองใหญ่อย่างกรุงนิวเดลี – เมืองหลวงและเมืองมุมไบด้วย
รัฐมหาราษฏระ ซึ่งรวมถึงเมืองมุมไบ เคยเป็นศูนย์กลางของวิกฤตการแพร่ระบาดในอินเดีย หลังมีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในเดือนมี.ค.
โดยรัฐนี้ยังมีผู้ติดเชื้อมากเกือบ 1 ใน 4 ของตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศคือ 863,062 ราย และมีผู้เสียชีวิต 25,964 ราย บรรดาแพทย์ระบุว่า ประชาชนไม่สนใจที่จะสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อยๆ
ดร.SP Kalantri ผอ.โรงพยบาลหมู่บ้าน Sevagram ระบุว่า ในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไวรัสแพร่ระบาดจากเมืองใหญ่มาสู่หมู่บ้านของเขา
“ ยังไม่ถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดหรอก ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”
แม้การตรวจหาเชื้อในอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน แต่การตรวจหาสารก่อภูมิต้านทาน หรือโปรตีนจากไวรัสกำลังสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้น
การตรวจหาเชื้อแบบนี้มีราคาถูกกว่าและได้ผลเร็ว แต่ผลก็ไม่แม่นยำเที่ยงตรง อันตรายก็คือการตรวจแบบนี้อาจทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวนมากหายไป
Shamika Ravi ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และอดีตที่ปรึกษารัฐบาลซึ่งติดตามแนวโน้มการแพร่ระบาดในอินเดียอย่างใกล้ชิด ระบุว่า อินเดียยังห่างไกลจากจุดพีค และต้องมุ่งเน้นการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่รัฐมหาราษฏระ
“ จะไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอินเดียได้เลย หากควบคุมการระบาดในรัฐมหาราษฏระไม่ได้ ” เธอโพสต์บนทวิตเตอร์ “ นอกจากเป็นเมืองเศรษฐกิจที่โดดเด่นสำคัญ รัฐมหาราษฏระจะยังส่งผลกับการแพร่ระบาดในพื้นที่อื่นๆของประเทศ”