อัยการสั่งฟ้องผู้นำซัมซุงฉ้อโกง/ปั่นหุ้น
โซล (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 2 ก.ย. อัยการเกาหลีใต้สั่งฟ้องนายอีแยจอง ผู้บริหารซัมซุงในข้อหาฉ้อโกงบัญชีและปั่นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการในปี 2558 นับเป็นปัญหาใหม่อีกระลอกที่ถาโถมเข้าสู่ผู้บริหารของบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
โดยนายอี ซึ่งเคยรับโทษจำคุกจากคดีอื่นไปแล้ว รวมถึงผู้บริหารปัจจุบันและอดีตผู้บริหารอีก 10 คนของซัมซุงถูกอัยการสั่งฟ้องจากคดีควบรวมกิจการของ 2 บริษัทย่อยในเครือซัมซุงที่ช่วยให้นายอีกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นเพชรยอดมงกุฎของบริษัทในเครือซัมซุงทั้งหมด
คำสั่งฟ้องของอัยการทำให้นายอี วัย 52 ปี ต้องเจอกับประสบการณ์การพิจารณาคดีอีกครั้ง เขาไม่ถูกควบคุมตัวเนื่องจากศาลกรุงโซลไม่อนุมัติคำขอหมายจับของอัยการในเดือนมิ.ย. แต่ศาลระบุว่า อัยการมีหลักฐานน่าเชื่อถือมากพอและเหมาะสมที่จะพิจารณาคดีในศาล
การตัดสินใจสั่งฟ้องของอัยการมีขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีมุนแจอินกำลังขับเคลื่อนธุรกิจที่ถดถอยจากโควิด-19 และในเวลาที่ชาวเกาหลีใต้อาจสนใจกับการควบคุมการแพร่ระบาดและฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่มากกว่าการลงโทษกลุ่มธุรกิจที่บริหารงานแบบครอบครัว หรือที่เรียกกันว่า แชโบล ซึ่งมีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศ
ข้อกล่าวหาอื่นๆที่นายอีต้องเจอคือ การดำเนินธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมและควบคุมราคาในตลาดหุ้นภายใต้กฎหมาย Capital Markets Act , ละเมิดต่อหน้าที่ในการบริหารธุรกิจ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จและฉ้อโกงทางบัญชีภายใต้กฎหมาย External Audit Act จากแถลงการณ์ของอัยการ
ทนายความของนายอีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในแถลงการณ์ของอัยการ และระบุว่าเป็นการสั่งฟ้องที่ไม่เป็นธรรม แต่ชี้แจงว่า ผู้ต้องหาจะให้ความร่วมมือในการไต่สวนเป็นอย่างดี
การควบรวมกิจการมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯของบริษัทในเครือคือ ซัมซุง C&T Corp และ เชอิล อินดัสตรีส์ ในปี 2558 เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้นายอีมีอำนาจมากขึ้นในการควบคุมบริษัท โดยมีเสียงวิจารณ์ว่า เป็นการเบียดบังผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อย
อัยการยังได้กล่าวหาว่านายอีและผู้บริหารคนอื่นๆของซัมซุงสมคบคิดกันในการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของ ซัมซุง ไบโอโลจิกส์ เพื่อเลี่ยงคำวิจารณ์ที่ว่า การควบรวมกิจการเป็นเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นของ เชอิล อินดัสตรีส์ ซึ่งนายอีเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด โดยเชอิล เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของไปโอโลจิกส์
อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องนายอี แม้จะมีความเห็นคัดค้านจากคณะกรรมการอิสระในเดือนมิ.ย. โดยการตัดสินใจของคณะกรรมการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ใช่ด้านการเงิน ก่อให้เกิดคำวิจารณ์จากส.ส.และผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่แสดงความกังวลว่า ระบบอาจถูกครอบงำจากบรรดาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลในเกาหลีใต้
นายอี รองประธานซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 311,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกจำคุกประมาณ 1 ปี และถูกปล่อยตัวออกมาในเดือนก.พ. 2561 จากการให้สินบนซึ่งเป็นข่าวฉาวของประเทศ
เขาถูกกล่าวหาว่าให้สินบนด้วยการมอบม้าหลายตัวให้กับบุตรสาวของเพื่อนสนิทของอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเยเพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนการควบรวมกิจการของสองบริษัท