นายกฯ ญี่ปุ่นเชื่อมั่นทรัมป์
นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นกล่าวว่า มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในตัวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่และเชื่อว่าทั้งสองประเทศจะสร้างความสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน
นายกฯ อาเบะ พูดถึงการประชุมร่วมกันที่ใช้เวลา 90 นาทีบนอาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในนครนิวยอร์กว่า เป็นการพูดคุยที่ตรงไปตรงมาและมีบรรยากาศที่อบอุ่น
ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนายทรัมป์ เขาได้พูดโน้มน้าวผู้ฟังให้เกิดความแคลงใจกับประเทศที่เป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนานของสหรัฐฯ รวมถึงญี่ปุ่นด้วย
โดยการประชุมครั้งนี้ นับเป็นการเผชิญหน้ากับผู้นำญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก หลังจากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรสำคัญกันมาตั้งแต่ช่วงเวลาสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหรัฐฯ ช่วยญี่ปุ่นฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ล่มสลายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่เคยประกาศว่าจะยกเลิกข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพิ้นแปซิฟิกหรือ TPP ซึ่งนายกฯอาเบะให้การสนับสนุนอย่างสุดกำลังเพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน
โดยรัฐสภาญี่ปุ่นอนุมัติให้นายกฯอาเบะลงนามในข้อตกลง TPP ได้ ถึงแม้จะมีแนวโน้มว่าการทำข้อตกลงอาจถูกยกเลิกได้ถ้านายทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯคนใหม่
นายทรัมป์กล่าวว่า ญี่ปุ่นควรต้องจ่ายมากขึ้นให้กับกองทัพสหรัฐฯ และเสนอความคิดที่ว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ควรใช้เงินงบประมาณในแต่ละปีพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศตัวเองเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
การประชุมร่วมกันครั้งนี้ นายกฯ อาเบะต่อสายตรงถึงนายทรัมป์ และเสนอว่า เขาขอแวะพบนายทรัมป์ที่นครนิวยอร์ก เพราะเป็นเส้นทางบินผ่านก่อนเดินทางไปประชุมเอเชีย-แปซิฟิกซัมมิทที่เปรู
โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายกฯอาเบะกล่าวว่า “ เรามีการพูดคุยที่ตรงไปตรงมาในเวลาที่มีอยู่ มีบรรยากาศที่อบอุ่น ผมเชื่อว่า หากไม่มีความเชื่อมั่นระหว่างเราทั้งสองประเทศ ความเป็นพันธมิตรกันจะไม่มีผลดีในอนาคต และจากการพูดคุยในครั้งนี้ ผมคิดว่าคุณทรัมป์เป็นผู้นำที่ผมเชื่อมั่นมาก ”
โดยนายกฯ อาเบะ ให้รายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับการประชุม แต่เสริมว่า ทั้งสองคนจะพบกันอีกครั้งเพื่อพูดคุยให้ลึกซึ้งในประเด็นที่กว้างขึ้นกว่านี้
หลังจากชัยขนะที่น่าประหลาดใจของนายทรัมป์ เขาได้พูดคุยกับผู้นำประเทศหลายสิบคน รวมถึงการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจากที่บ้านและออฟฟิศของเขาซึ่งอยู่บนตึกทรัมป์ทาวเวอร์ในย่านแมนฮัตตัน.