เกาหลีใต้ยกระดับคุมเข้ม หลังติดเชื้อพุ่ง
โซล : เมื่อวันที่ 19 ส.ค.เกาหลีใต้รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสามหลักต่อเนื่องกันเป็นวันที่หกแล้ว ขณะที่ทางการกำลังเร่งติดตามสมาชิกหลายร้อยคนที่เป็นสมาชิกของโบสถ์ที่มีการแพร่ระบาด และกองทัพล็อกดาวน์ฐานทัพเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของเกาหลี (KCDC) รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 297 รายในวันที่ 19 ส.ค. สามวันหลังจากมีการบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเข้มงวดขึ้นในพื้นที่มหานครกรุงโซล
ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมในเกาหลีใต้อยู่ที่ 15,761 ราย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในวัย 30 – 40 ปีกว่า
นายกรัฐมนตรีชองชเวคยอนระบุว่า ธุรกิจ 12 ประเภทที่มีความเสี่ยง ทั้งไนท์คลับ บาร์คาราโอเกะ และร้านอาหารบุฟเฟ่ต์จะต้องปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. ทั้งในกรุงโซล ,อินชอน และจังหวัดคยองกีที่อยู่ใกล้เคียง
โดยเขาเสริมว่า สถานที่ราชการหลายแห่งในพื้นที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ จะปิดทำการด้วย
“ หากเราไม่สามารถควบคุมไวรัสได้ เราจะต้องยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นระดับสูงขึ้นกว่านี้ และจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับเศรษฐกิจของเราและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน” นายกฯ ชองกล่าวในการแถลงข่าวหลังจบการประชุมฉุกเฉิน
มีรายงานผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 457 รายที่มีความเชื่อมโยงกับโบสถ์ซารังเชอิล โดยมี 10 รายที่ยืนยันว่าได้ไปเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐบาลในช่วงสุดสัปดาห์ติดกันสองสัปดาห์ที่ผ่านมาในกรุงโซล คิมกังลิป รมช.สาธารณสุขระบุในการแถลงข่าว
ทางการเกาหลีใต้เร่งดำเนินการสอบสวนหาเส้นทางการแพร่ระบาดของสมาชิกคนอื่นๆอีก 500 ราย เพื่อแจ้งให้พวกเขากักตัวเอง และตรวจหาเชื้อเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่โบสถ์เป็นศูนย์กลางการระบาดรุนแรงของโควิด-19 ในเกาหลีใต้
โดยเมื่อเดือนก.พ. ทางการเร่งสกัดการแพร่ระบาดที่ผุดขึ้นมาจากลัทธินอกรีตชินชอนจีของศาสนาคริสต์ในเมืองแทกู ที่กลายเป็นคลัสเตอร์ที่ร้ายแรงที่สุดในเกาหลีใต้
ควอนจุนอุก รองผอ.KCDC ระบุในการแถลงข่าวว่า “ หากการแพร่ระบาด ยังไม่สามารถควบคุมได้ในสัปดาห์นี้ ไม่เพียงส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันในเมืองหลวง ที่มีประชากรถึง 25 ล้านคน แต่ยังทำให้มีความเสี่ยงกับความปลอดภัยของผู้สูงวัยและกลุ่มเปราะบางอีกด้วย ”
อีกคลัสเตอร์ที่มีการเร่งติดตามตรวจหาเชื้อคือที่ร้านสตาร์บัคส์นอกกรุงโซล ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้เพิ่มเป็น 49 ราย
ขณะที่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 2 รายในกองทัพ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมในฐานทัพทั้งหมดอยู่ที่ 88 ราย จากรายงานของกระทรวงกลาโหม
พื้นที่กรุงโซลอยู่ภายใต้มาตรการคุมเข้มระดับ 2 คือจำกัดการรวมตัวกันภายในอาคารไม่เกิน 50 คน และภายนอกอาคารไม่เกิน 100 คน และห้ามผู้ชมเข้าชมการแข่งขันกีฬาและห้ามการรวมตัวกันในโบสถ์ทั้งในกรุงโซลและคยองกี
ทางการสาธารณสุขจัดระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็น 3 ระดับ โดยระดับ 1 เคร่งครัดน้อยที่สุด และระดับ 3 เคร่งครัดที่สุด คือต้องปิดโรงเรียน ธุรกิจและแนะนำให้ประชาชนทำงานที่บ้านและจำกัดการรวมตัวกันต่ำกว่า 10 คน
ผอ.ควอนระบุว่า “ หากไม่สามารถควบคุมและคงระดับให้อยู่ในระดับนี้ได้ เราจะไม่อาจหลีกเลี่ยงการยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมขึ้นเป็นระดับ 3 ได้”