โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ยุโรปคุมเข้มอีก
การแพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบกับช่วงวันหยุดฤดูร้อนทั่วยุโรป ทำให้รัฐบาลหลายประเทศมีมาตรการคุมเข้มนักเดินทาง มีการสั่งปิดไนท์คลับอีกครั้ง ห้ามการแสดงโชว์พลุดอกไม้ไฟ และขยายเวลาของคำสั่งให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่รีสอร์ทยอดนิยมออกไปอีก
“ น่าเศร้าที่ไวรัสไม่ให้ความร่วมมือกับเรา” แกรนท์ แชปส์ รมว.กระทรวงคมนาคมอังกฤษกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อ
จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดมาตรการเฝ้าระวังทั่วยุโรป ซึ่งถูกกระทบอย่างรุนแรงในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
โดยประเทศที่ย่ำแย่มากที่สุดคือสหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน โดยมียอดผู้เสียชีวิตรวมกันประมาณ 140,000 ราย
นอกจากไนท์คลับและงานปาร์ตี้ที่มีแอลกอฮอล์ การรวมกลุ่มกันในครอบครัวใหญ่ที่มักจะมีการกอดและจูบทักทายกันเป็นประจำ กลายเป็นแหล่งที่มาของการแพร่ระบาดรอบใหม่ในหลายประเทศในยุโรป
ในฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวจากอังกฤษหลายพันคนต้องเดินทางกลับบ้านในวันที่ 14 ส.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องกักตัวเองนาน 14 วัน หลังจากอังกฤษตัดสินใจใช้มาตรการคุมเข้มกับฝรั่งเศสอีกครั้งเพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในฝรั่งเศส เรือเฟอร์รีเพิ่มเที่ยวกลับอังกฤษมากขึ้น และรถไฟแน่นเต็มทุกขบวน
มีการประกาศมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เคร่งครัดมากขึ้นในสเปน ซึ่งมีรายงานผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเกือบ 50,000 รายในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
หลังการประชุมฉุกเฉินกับผู้นำท้องถิ่น ซัลวาดอร์ อิลลา รมว.สาธารณสุขระบุว่า ได้สั่งปิดไนท์คลับทั่วประเทศ จำกัดการไปเยี่ยมผู้สูงวัยที่เนิร์สซิงโฮมได้ครั้งละ 1 คนเป็นเวลา 1 ชม.
อิตาลีเองก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เมืองชายทะเลประกาศมาตรการคุมเข้มรอบใหม่ รวมถึงประกาศห้ามการแสดงจุดพลุดอกไม้ไฟที่ชายหาด ก่อนหน้าช่วงเทศกาลวันหยุดฤดูร้อนครั้งสำคัญคือ เฟอร์รากอสโต ซึ่งจะมีชาวอิตาเลียนนับล้านคนมาฉลองเทศกาลอย่างสนุกสนานที่ชายหาด บนภูเขา หรือไปท่องเที่ยวต่างประเทศ
รมว.สาธารณสุขอิตาลีระบุว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 574 รายในวันที่ 14 ส.ค. ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ 28 พ.ค. เป็นต้นมา
ในกรีซ ทางการแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะทั้งในและนอกอาคารนาน 1 สัปดาห์หลังจากกลับจากสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง
บนเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างปารอส และแอนติปารอส มีการสั่งปิดร้านอาหาร บาร์และไนท์คลับหลังเที่ยงคืนและยังขยายไปพื้นที่อื่นของประเทศ รวมทั้งกรุงเอเธนส์ด้วย โดยกรีซมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 254 ราย
ในฝรั่งเศส เนื่องจากมีความกลัวการแพร่ระบาดรอบใหม่ รมว.สาธารณสุขประกาศให้กรุงปารีสและมาร์เซย์เป็นพื้นที่เสี่ยง กำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ “ สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ ” เจอโรม ซาโลมอนระบุในการให้สัมภาษณ์ทางสื่อวิทยุ
รัฐบาลอังกฤษระบุว่า มีการกำหนดให้ประชาชนที่เดินทางกลับจากฝรั่งเศสต้องการกักตัวเอง เนื่องจากฝรั่งเศสมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 66% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลกับนักเดินทางที่กลับจากฝรั่งเศสหลังเวลา 04.00 น.ในวันที่ 15 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
การตัดสินใจออกมาตรการกักตัวของรัฐบาลอังกฤษส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของฝรั่งเศส ซึ่งพึ่งพานักท่องเที่ยวจากอังกฤษอย่างมาก
ฝรั่งเศสรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่พุ่งสูงถึง 3,310 รายในรอบ 24 ชั่วโมง นับเป็นตัวเลขที่สูงต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 4 แล้ว ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมในฝรั่งเศสอยู่ที่ 215,521 ราย จากข้อมูลบนเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 15 ส.ค. โดยเสริมว่ากำลังมีการเร่งสอบสวนโรคใน 252 คลัสเตอร์
บรรดาแพทย์ในฝรั่งเศสเรียกร้องให้บังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ทำงาน เนื่องจากการอยู่รวมกันเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการแพร่ระบาด