ส่งออก-นำเข้าจีนเดือนต.ค.ร่วงเกินคาด
ตัวเลขส่งออกและนำเข้าสินค้าของจีนเดือนต.ค. ลดลงเกินคาดการณ์ เพิ่มความกังวลว่า ตัวเลขฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพได้นานเพียงใด
โดยยอดส่งออกของจีนเดือนต.ค.ลดลง 7.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลง 1.4% อ้างอิงจากเผยแพร่ของรัฐบาลเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ก่อให้เกิดความกลัวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจคงอยู่ได้ไม่นาน
ทั้งนี้ จีนยังคงได้ดุลการค้าสูงถึง 49,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนต.ค. อ้างอิงจากรายงานของกรมศุลกากร ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้คือ 51,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสูงกว่าเดือนก.ย.ที่อยู่ที่ 41,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากโพลล์สำรวจของนักวิเคราะห์ที่รอยเตอร์คาดการณ์ว่า ตัวเลขส่งออกของจีนเดือนต.ค.จะปรับลดลง 6% จากปีที่แล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับการหดตัว 10% ในเดือนก.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การนำเข้าจะลดลง 1% หลังจากลดลง 1.9% ในเดือนก.ย.
โดยตัวเลขการส่งออกของจีนในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ลดลง 7.7% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่การนำเข้าลดลง 7.5%
การส่งออกฉุดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ มีผลทำให้รัฐบาลต้องหันไปพึ่งพาการใช้จ่ายงบประมาณที่สูงขึ้นและลดดอกเบี้ยกู้ยืมลงเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลการค้าในเดือนก.ย. ลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ หลังจากการนำเข้าปรับเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค.เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยสินค้านำเข้าหลักคือถ่านหิน แร่เหล็ก และโภคภัณฑ์อื่นๆ
“ การดีดกลับขึ้นมาของตัวเลขเศรษฐกิจของจีนช่วยหนุนตัวเลขนำเข้าได้เพียง 1 หรือ 2 ไตรมาสเท่านั้น แต่จะไม่ยิดยาวไปกว่านั้น จากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินก่อนหน้านี้ที่ดูจะแผ่วลงไป ” นายจูเลียนอีวานส์-พริตชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศจีนของ Capital Economics ให้ความเห็นในรายงาน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนจะเผชิญกับแรงกดดันครั้งใหญ่ในการค้าต่างประเทศในช่วงไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจะมีความผันผวนยาวไปจนถึงปี 2561
ตัวเลขจีดีพีของจีนอยู่ที่ 6.7% ในไตรมาส 3 และดูจะเป็นไปตามเป้าของรัฐบาล โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ การให้สินเชื่อของธนาคารที่สูงเป็นประวัติการณ์ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงร้อนแรง
อย่างไรก็ตาม ดีมานด์ทั่วโลกที่ซบเซาอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน
โดยการส่งออกที่อ่อนแรงลงของจีนเขย่าตัวเลขจีดีพี 7.8% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ โดยสาเหตุสำคัญมาจากดีมานด์ต่างประเทศที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นบีบภาคส่วนอุตสาหกรรม
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.17 บาท / 8 พ.ย. 2559