เลบานอนลุกฮือประท้วงต้านรัฐบาล
เบรุต (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ชาวเลบานอนจำนวนหนึ่งลุกฮือกันประท้วงต่อต้านผู้นำจากความไม่พอใจกรณีระเบิดที่ท่าเรือกลางกรุงเบรุต และนักบวชคริสเตียนนิกายมาโรไนท์ระบุว่า คณะรัฐมนตรีควรลาออก
ผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกจากความบกพร่องที่ละเลยจนทำให้เกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ความโกรธเคืองของประชาชนกลายเป็นสถานการณ์ความรุนแรงกลางกรุงเบรุตในวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา
เบชารา บูทรอส อัล-ไร พระคริสเตียนนิกายมาโรไนท์ให้ความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีควรลาออกหากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารประเทศ
“แค่นายกฯ หรือรมว.ลาออกยังไม่พอ รัฐบาลทั้งคณะควรลาออกที่ไม่สามารถช่วยฟื้นฟูประเทศได้” เขาระบุในการเทศน์เมื่อวันที่ 9 ส.ค.
มานาล อับเดล รมว.สารสนเทศระบุว่า เธอขอลาออกเมื่อวันที่ 9 ส.ค. โดยชี้ว่าเหตุระเบิดและความล้มเหลวของรัฐบาลต้องมีการปฏิรูป
ประชาชนหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บจากการประท้วงในวันที่ 8 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว เมื่อประชาชนหลายพันคนออกมาชุมนุมบนท้องถนนเพื่อประท้วงต่อต้านการทุจริต ไม่มีธรรมาภิบาล และการบริหารจัดการที่ผิดพลาด
ประชาชนประมาณ 10,000 คนรวมตัวกันที่จตุรัส Martyrs ซึ่งกลายเป็นสนามรบในตอนค่ำระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงที่พยายามพังแบริเออร์ตลอเแนวถนนไปรัฐสภา ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งบุกยึดอาคารกระทรวงของรัฐบาล และสมาคมธนาคารเลบานอน
ผู้ประท้วงฝ่าตำรวจที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ และพากันขว้างปาก้อนหินและพลุโจมตีตำรวจปราบจลาจล ทำให้มีผู้บาดเจ็บและถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล ขณะที่มีตำรวจนายหนึ่งเสียชีวิต
สภากาชาดระบุว่า ได้รักษาผู้บาดเจ็บ 117 รายในที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ขณะที่มีอีก 55 รายที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยในวันที่ 8 ส.ค. มีรถยานเกราะพร้อมทหารเข้าประจำการข้างจตุรัส Martyrs
“ประชาชนควรมานอนบนถนนและชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลจนกว่าจะโค่นรัฐบาลลงได้” มายา ฮาบลิ ทนายความระบุ ในระหว่างที่สำรวจท่าเรือที่ถูกทำลายจากระเบิด
เหตุระเบิดรุนแรงคร่าชีวิตประชนไป 158 ราย และบาดเจ็บกว่า 6,000 ราย ทำลายพื้นที่เมืองที่เป็นย่านการเมืองและเศรษฐกิจจนพังราบ ขณะที่ยังมีผู้เสียหายอีก 21 ราย
นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีระบุว่า สารเคมีแอมโมเนียไนเตรท ซึ่งเป็นสารประกอบใช้ในการผลิตปุ๋ยและระเบิด จำนวน 2,750 ตันถูกเก็บมานาน 6 ปีที่โกดังท่าเรือกลางกรุงเบรุตโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ และจะสอบสวนเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านจอภาพกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและผู้นำการเมืองคนอื่นๆในวันที่ 9 ส.ค. เพื่อร่วมกันระดมความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับเลบานอน
เหตุระเบิดส่งผลกระทบซ้ำเติมเลบานอนที่เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด-19 สำหรับประชาชนจำนวนมาก เหตุระเบิดทำให้ย้อนนึกถึงความรุนแรงช่วงสงครามกลางเมืองในปี 2518 – 2533 ที่ทำลายเมืองเบรุตจนพังราบ และต้องมีการฟื้นฟูสร้างเมืองขึ้นมาใหม่
“ ผมทำงานในคูเวตนานถึง 15 ปีเพื่อเก็บเงินและสร้างร้านกิฟต์ช็อปในเลบานอน และมันพังราบจากระเบิด” มารุน เชฮาดีกล่าว “ จะไม่มีอะไรเปลี่ยน จนกว่าผู้นำจะออกไป”
“ดูนี่สิ” อีไล ยาซบัค ผู้จัดการบริษัทแฟชั่น ซึ่งตึกสำนักงานใหญ่สูง 10 ชั้นถูกทำลายจากระเบิดให้ความเห็น
“ นี่ทำให้เราถอยหลังไป 50 ปี เราเจอวิกฤตซ้ำๆ ในเลบานอน ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องออกไป และให้คนมีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ”