ตายจากโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 7 แสนคน
(รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 5 ส.ค. มีการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกที่สูงเกิน 700,000 ราย จากการประเมินของสื่อรอยเตอร์ โดยสหรัฐฯ บราซิล อินเดีย และเม็กซิโก เป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนามากที่สุด
จากการคำนวณของสื่อรอยเตอร์ จากพื้นฐานข้อมูลในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ที่เกือบ 5,900 รายทุก 24 ชม. หรือ 247 รายต่อชม. หรือ 1 รายต่อ 15 วินาที
โดยสหรัฐฯ และลาตินอเมริกาเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่ของไวรัสโควิด -19 และทั้งสองประเทศประสบปัญหาอย่างหนักในการควบคุมการระบาดของไวรัส
ในช่วงแรก ไวรัสชะลอตัวอยู่นานกว่าจะแพร่ระบาดมาถึงลาตินอเมริกา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 640 ล้านคน แต่รัฐบาลของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ต้องประสบปัญหาในการควบคุมการแพร่ระบาด เพราะเป็นประเทศยากจนและหลายเมืองมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น
พลเมืองกว่า 100 ล้านคนในลาตินอเมริกาและหมู่เกาะแคริบเบียนอาศัยอยู่ในสลัม อ้างอิงจากข้อมูลของโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Settlements Programme) หลายคนมีงานทำในภาคส่วนที่ไม่ใช่ทางการและมีความปลอดภัยทางสังคมน้อย และยังคงต้องทำงานในช่วงที่เกิดโรคระบาด
ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 330 ล้านคน ก็อยู่ในสภาพย่ำแย่จากการระบาดของไวรัส แม้จะเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็ตาม
ดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดด้านโรคติดต่อของรัฐบาลสหรัฐฯระบุเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ว่า หลายรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากควรพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง โดยย้ำว่าจำเป็นต้องลดจำนวนการระบาดให้ได้ก่อนถึงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเกิดการระบาดของไข้หวัดตามปกติ
แม้แต่ในหลายพื้นที่ของโลกซึ่งมีทีท่าว่าสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แล้ว ก็กลับมาเกิดการระบาดในระลอกสอง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงทุบสถิติในวันเดียว เป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ยังคงอีกยาวไกลกว่าจะยุติ โดยในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง โบลิเวีย ซูดาน เอธิโอเปีย บัลกาเรีย เบลเยียม อุซเบอิสถาน และอิสราเอลมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นมาก