พูดถึงทรัมป์มากสุดในโซเชียลทั่วโลก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่จากพรรครีพับลิกันเป็นประเด็นให้ถูกพูดถึงมากที่สุดทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก อ้างอิงจากรายงานของโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งสองแห่ง
โดยนายทรัมป์เป็นหัวข้อในการสนทนาสูงถึง 59% ในทวิตเตอร์ ในขณะเดียวกันก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงเขาในเฟซบุ๊กมากถึง 56% อ้างอิงจากการรายงานของทั้งสองบริษัทผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียชั้นนำ
ทั้งนี้ หัวข้อที่มีการพูดคุยกันมากที่สุดในทวิตเตอร์คือการดีเบตที่พูดถึงการล่วงละเมิดทางเพศในอดีตของนายทรัมป์ การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. และการพูดคุยกับมือจารกรรมจากรัสเซียในระหว่างการเลือกตั้ง ในขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตได้เรียกนายทรัมป์ว่า ‘หุ่นเชิด’ ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย
โดยการรีทวีตที่เกี่ยวข้องกับการดีเบตมากที่สุดคือ ข้อความที่เขาทวีตเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2556 ที่เขาถามประธานาธิบดีปูตินว่า จะมาร่วมในการประกวดมิสยูนิเวิร์สหรือไม่ หากมา พวกเขาจะกลายเป็นเพื่อนรักกัน
แต่เขากล่าวปฏิเสธในการดีเบตว่า เขาไม่รู้จักผู้นำรัสเซียเป็นการส่วนตัว
นางคลินตันมีผู้ติดตามรายใหม่ในทวิตเตอร์ขึ้นนำนายทรัมป์หลังจากการดีเบต โดยเธอมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอีก 13,200 ฟอลโลเวอร์ ขณะที่นายทรัมป์มีเพิ่มขึ้นเพียง 6,000 ฟอลโลเวอร์
ทั้งนี้ ในในเฟซบุ๊ก หัวข้อที่มีการสนทนากันมากที่สุดคือ การสนทนาระหว่างนายทรัมป์กับนายคริส วอลเลซ พิธีกรที่ไม่เห็นด้วยกับการกล่าวถึงเมืองอเลปโป ซึ่งเป็นสมรภูมิสงครามในซีเรียในขณะนี้ของนายทรัมป์ โดยนายวอลเลซกล่าวว่าสิ่งที่นายทรัมป์กล่าวในการดีเบตครั้งที่ 2 เกี่ยวกับเมืองอเลปโปไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะที่พูดว่าเมืองนี้แย่มาตั้งแต่เดิมแล้ว
โดยประเด็นที่มีการพูดถึงมากเป็นอันดับ 2 คือการที่ทรัมป์ยืนยันคำพูดของนายเบอร์นี แซนเดอร์ว่า นางคลินตัน คู่แข่งของเขามีการตัดสินใจที่แย่มาก
นอกจากนี้ หัวข้อที่ 3 ที่มีการพูดคุยกันมากที่สุดคือ ความเห็นของนายทรัมป์ที่มีต่อหน่วยงานสืบสวนกลาง หรือ FBI และกระทรวงยุติธรรมว่า น่าอับอาย ที่มีการสอบสวนนางคลินตันเรื่องอีเมลลับ ส่วนประเด็นที่ 4 ที่มีการพูดคุยกันคือ เรื่องที่นายทรัมป์กล่าวว่า เขาควรจะชนะรางวัลเอ็มมี่ (รางวัลทางโทรทัศน์ของสหรัฐฯ)
ทั้งนี้ ประเด็นที่มีการพูดถึงในช่วงเวลาของการดีเบตมากที่สุดบนเฟซบุ๊กรองลงมาคือ อิรัก ซีเรียและไอเอส รัสเซียและยูเครน การทำแท้ง การตรวจคนเข้าเมือง และการปล่อยข้อมูลลับจากวิกิลีกส์.