จีนโวยอียูเก็บภาษีเหล็กสูงเกิน
กระทรวงพาณิชย์ของจีนแสดงความกังวลและเสียใจหลังจากสหภาพยุโรปจัดเก็บอากรนำเข้าเหล็กของจีน 2 ชนิดในอัตราสูง โดยกล่าวว่า วิธีการในการจัดเก็บไม่ยุติธรรม
โดยมีการประกาศอัตราอากรเมื่อวันที่ 7 ต.ค.เพื่อเป็นมาตรการกีดกันทางการค้ากับเหล็กนำเข้าของจีนเพื่อปกป้องบริษัทผู้ผลิตเหล็กของอียู จากปริมาณการผลิตเหล็กที่ล้นตลาดจากจีนในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา
ในสหราชอาณาจักร มีการปลดแรงงานออกถึง 5,000 คนในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กในปี 2558 เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับเหล็กนำเข้าราคาถูกจากจีนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลจากกลุ่มประเทศจี 20 ยอมรับเมื่อเดือนก.ย.ว่า ผลผลิตเหล็กที่เกินกำลังเป็นปัญหาสำคัญ
โดยจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตเหล็กถึง 50% ของผลผลิตเหล็กทั่วโลกและเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุด จึงกลายเป็นปัญหาในระดับโลกไปโดยปริยาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนโพสต์ในเว็บไซต์ของกระทรวงเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า กระบวนการสอบสวนของประเทศตัวแทนจากอียูไม่ยุติธรรมและไม่มีเหตุผลเพียงพอ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบริษัทผู้ผลิตเหล็กของจีน
“ การปกป้องการค้าที่สะเพร่าเลินเล่อและกระบวนการที่ผิดพลาดจะจำกัดความสามารถในการแข่งขันของตลาด และไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของสหภาพยุโรป ” อ้างอิงจากถ้อยแถลงในเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์
โดยทางกระทรวงโพสต์ว่า ผลผลิตเหล็กของจีนคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของตลาดยุโรป และไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กของยุโรป สาเหตุสำคัญของปัญหาเหล็กในยุโรปจึงไม่ใช่เรื่องการค้า แต่เป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงทั่วโลก
“ จีนหวังว่าอียูจะเคารพกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเคร่งครัดและรับประกันในสิทธิ์ของจีนที่จะประท้วง ” ทางกระทรวงรายงาน
ทั้งนี้ อัตราอากรที่จัดเก็บของอียูอยู่ระหว่าง 13.2 – 22.6% สำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อนและ 65.1 – 73.7% สำหรับเหล็กกล้า โดยอัตราชั่วคราวนี้จะมีผลบังคับใช้นาน 6 เดือน จนกว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะทำการ
สอบสวนเสร็จสิ้น หากผลออกมาคือการสนับสนุนอัตรานี้ ก็จะเป็นอัตราอากรที่จัดเก็บนานถึง 5 ปี
ทางคณะกรรมาธิการแสดงท่าทีว่าจะเร่งดำเนินการในเรื่องมาตรการปกป้องทางการค้า เนื่องจากได้รับแรงกดดันมาจากบริษัทผู้ผลิตเหล็กในอียู
โดยทางคณะกรรมาธิการรายงานว่า จีนไม่ใช่เศรษฐกิจของตลาดและจะไม่มีการยอมรับเช่นนั้น แต่ทางคณะกรรมาธิการจะใช้วิธีการใหม่ในการกำหนดอัตราอากรที่เป็นไปตามกฎของ WTO.