รัสเซียหนุนโอเปกดันราคาน้ำมันขึ้น
รัสเซียแถลงว่า จะให้การสนับสนุนแผนที่โอเปกเสนอให้คงเพดานการผลิตเพื่อแก้ไขสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตกต่ำทั่วโลกมานาน
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นี้ช่วยดันราคาน้ำมันให้ขยับขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดเบรนท์ปรับขึ้นไปทำราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี
“ รัสเซียพร้อมที่จะยอมรับและเข้าร่วมมาตรการในการลดปริมาณการผลิตน้ำมัน และเรียกร้องให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอื่นๆ ทำเช่นเดียวกันกับเรา ” อ้างอิงจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย
“ เราขอสนับสนุนแผนการริเริ่มของโอเปกในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมัน ” เขากล่าวเสริม
ในช่วงบ่ายวันที่ 11 ต.ค. ราคาน้ำมันดิบในคลาดเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.5% ไปอยู่ที่ 53.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงมาจาก 53.73 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมพลังงานโลกที่กรุงอีสตันบูล ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า ราคาน้ำมันลดลงไปมากกว่าครึ่งในรอบ 2 ปีจากปริมาณการผลิตที่ล้นตลาด ส่งผลต่อวงจรการลงทุนที่ลดลง
โดยประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า ถ้าแผนการนี้สำเร็จ จะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันและหนุนให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเป็นราคาใหม่ที่สูงเกินจะทำนายได้
เขาคาดการณ์ว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงที่สนับสนุนการลดเพดานการผลิตน้ำมันนี้ได้ในการประชุมครั้งหน้าของโอเปกในเดือนพ.ย.
ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา องค์กรกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก ได้ลงคะแนนเสียงเพื่อโหวตให้มีการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
โดยโอเปกหวังที่จะลดการผลิตน้ำมันลงประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวันจากนโยบายในการประชุมที่กรุงเวียนนา ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตน้ำมันต่อวันจะอยู่ที่ 32.5 – 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน
แต่นักวิเคราะห์หลายคนยังคงมีคำถามว่า กลุ่มประเทศสมาชิกจะยึดมั่นในข้อตกลงอย่างเคร่งครัดหรือไม่
นายจอห์น ฮอลล์ ประธานของบริษัทอัลฟาเอเนอร์จีกรุ๊ปให้ความเห็นว่า ความแตกต่างระหว่างอิหร่านและศัตรูในภูมิภาคอย่างซาอุดิอาระเบียทำให้ความพยายามที่จะคงเพดานการผลิตน้ำมันที่ผ่านมาไม่เป็นผล และการเข้ามาแทรกแซงของรัสเซียครั้งล่าสุดนี้อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ ที่ผ่านมา รัสเซียและกลุ่มโอเปกเข้ากันได้ไม่ดีนัก ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า จะสนับสนุนมาตรการนี้ เขาอาจจะเปลี่ยนใจไปทำข้อตกลงอื่นๆได้อีก ” เขากล่าว
“ คุณต้องมองบริบทให้กว้างขึ้น นั่นคือ ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านยังคงทำสงครามในเยเมน จึงมีข้อกังขาว่า พวกเขาจะสามารถทำข้อตกลงกันได้จริงๆ และรัสเซียอาจสนับสนุนการลดปริมาณการผลิตน้ำมัน หรืออาจจะไม่ก็ได้ ” เขาให้ความเห็น.