ญี่ปุ่นเริ่มแคมเปญท่องเที่ยว แม้ถูกวิจารณ์หนัก
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มต้นแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว Go To Travel ท่ามกลางความกังวลว่าจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 เพิ่มสูงขึ้น และก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์รัฐบาลมากขึ้นที่ผลักดันแคมเปญนี้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
แคมเปญที่ให้ส่วนลดเพื่อหนุนการท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้ว่าการกรุงโตเกียวขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้าน อย่าพยายามเดินทางในช่วงวันหยุดยาวที่เริ่มตั้งแต่ 23 ก.ค. มีการตั้งคำถามมากขึ้นว่าทำไมรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะจึงเดินหน้าแคมเปญนี้ต่อ แม้จะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น และบรรดาผู้นำท้องถิ่นขอให้มีการทบทวนแผนนี้
โดยแคมเปญที่มีมูลค่าถึง 1.35 ล้านล้านเยนนี้ ในตอนแรกมีการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ โดยได้ส่วนลดถึง 50% จากดีลและ voucher ที่จะออกมาตั้งแต่เดือนก.ย. แต่หลังจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้นในกรุงโตเกียว รัฐบาลประกาศการตัดสินใจอย่างกะทันหันที่ถอดกรุงโตเกียวออกจากการท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. กรุงโตเกียวรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 238 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดพุ่งขึ้นเกิน 10,000 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ 327 รายในเมืองหลวงแห่งนี้ คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของตัวเลขทั้งประเทศ
ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นทำให้ผู้ว่าการกรุงโตเกียวยูริโกะ โคอิเกะ เรียกร้องให้ชาวเมืองโตเกียวงดเว้นการเดินทางที่ไม่จำเป็นในช่วงวันหยุดยาว 4 วันนี้
“ จำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้น” ผู้ว่าฯโคอิเกะกล่าวกับสื่อในเย็นวันที่ 21 ก.ค. “ เป็นเรื่องสำคัญที่กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงที่จะเจ็บป่วย เช่น ผู้สูงวัยและผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในบ้าน”
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่อื่นในประเทศ รัฐบาลกลางยังคงสนับสนุนให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยว โดยมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย การบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมที่บังคับใช้อยู่แล้วในร้านอาหารและสถานที่สาธารณะ ก็กำหนดใช้อย่างเคร่งครัดสำหรับโรงแรม ที่พักแบบดั้งเดิม และธุรกิจอื่นๆที่เข้าร่วมในแคมเปญ Go To Travel
“ ด้วยความร่วมมือของทุกคน เราอยากเปิดให้มีการดำเนินกิจกรรมอีกครั้ง นโยบายนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกัน เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อ ” นายกฯอาเบะกล่าวกับสื่อในเช้าวันที่ 22 ก.ค.
“แคมเปญ Go To เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เมื่อประชาชนถึงสถานที่ท่องเที่ยว จะมีการตรวจวัดอุณหภูมิและคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงรับประทานอาหาร ” โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีระบุ
แต่ประชาชนกลับไม่รู้สึกเชื่อมั่นเช่นนั้น โดยโพลของหนังสือพิมพ์อาซาฮีช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาชี้ว่า 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เห็นด้วยกับแคมเปญนี้ ขณะที่ผลสำรวจของเกียวโดนิวส์ในช่วงเวลาเดียวกันพบว่า 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ควรเลื่อนแคมเปญนี้ออกไป
โดยฮิโรฟูมิ โยชิมูระ ผู้ว่าฯ จ.โอซาก้าเรียกร้องให้มีการทบทวนแคมเปญ Go To อีกครั้ง แม้เขากับนายกเทศมนตรีเมืองโอซาก้า อิชิโร มัตสุอิ จะออกความเห็นว่า ชาวโตเกียวไม่ควรถูกตัดออกจากแคมเปญส่วนลดการเดินทางนี้ก็ตาม
“ แค่เดินไปรอบๆ คงไม่เสี่ยงมาก ที่สำคัญคือคุณทำอะไรบ้างในสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไป” โยชิมูระกล่าว
ความสับสนวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงแคมเปญในนาทีสุดท้ายทำให้บริษัทท่องเที่ยวสับสนว่าอะไรบ้างที่พวกเขาสามารถเสนอให้ลูกค้าได้
สื่อรายงานเมื่อวันที่ 21 -22 ก.ค.ว่า ซูกะและโทชิฮิโร นิคาอิ เลขาธิการพรรค LDP มีอิทธิพลมากกับการตัดสินใจของนายกฯอาเบะ
ขณะที่จุน อาซูมิ จากพรรค Constitutional Democratic วิจารณ์อย่างหนักหน่วงถึงแคมเปญนี้
“ ทุกคนเรียกร้องให้ระงับแคมเปญนี้ แต่อาเบะและซูกะยังเดินหน้าต่อ หากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น บางคนต้องรับผิดชอบ ผมคิดว่าคณะรัฐมนตรีควรลาออก ” อาซูมิระบุ