สหรัฐฯ ปิดพรมแดนเม็กซิโก/แคนาดาถึง 20 ส.ค.

วอชิงตัน : เมื่อวันที่ 16 ก.ค. แช้ด วูล์ฟ รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯประกาศว่า จะปิดพรมแดนที่ติดกับเม็กซิโกและแคนาดาสำหรับการเดินทางส่วนใหญ่ออกไปอีกหนึ่งเดือนจนถึงวันที่ 20 ส.ค.เพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา
หลายวันก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ชี้แจงกับทางแคนาดาว่า ได้พิจารณาขยายเวลาการปิดพรมแดนที่ยาวนานถึง 4 เดือนออกไปอีก โดยวูล์ฟระบุว่า การตัดสินใจแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19
แต่การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ค.สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 67,632 รายและยอดผู้เสียชีวิตสูงเกิน 137,000 ราย เน้นให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการควบคุมการระบาด
“ จากพื้นฐานความสำเร็จของมาตรการที่มีอยู่และความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับแคนาดาและเม็กซิโก @DHSgov จะยังคงจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นข้ามมาที่ด่านพรมแดนของเรากับแคนาดาและเม็กซิโกจนถึงวันที่ 20 ส.ค.” วูล์ฟระบุในทวีต
“ มีการประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับเพื่อนบ้านของเรา เพื่อให้เรารับมือกับ #โควิด19 ในอเมริกาเหนือ และชะลอการเดินทางเพื่อลดการการะบาดของไวรัส” เขาระบุ
ขณะที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดแห่งแคนาดาระบุในการแถลงข่าวว่า แคนาดาและสหรัฐฯ “ ทำงานประสานกัน ใกล้ชิดกับเพื่อนบ้านอเมริกันของเราเพื่อปกป้องให้ประชาชนปลอดภัยทั้งสองฝั่งพรมแดน”
ในแคนาดาเอง ผู้นำของหลายรัฐแสดงความเห็นต่อต้านการเปิดพรมแดนที่ติดกับสหรัฐฯเนื่องจากสหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีท่าทีจะลดลง
แคนาดามีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมจากโควิด-19 สูงกว่า 108,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 8,800 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อในเม็กซิโกสูงถึง 317,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 37,000 ราย
ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อในสหรัฐฯ มีการทำงานทบทวนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคใน 3 ประเทศนี้ทุก 30 วัน เพื่อพิจารณาว่ามีเงื่อนไขที่ดีพอจะเปิดพรมแดนอีกครั้งหรือไม่