อินเดียล็อกดาวน์รอบใหม่กว่า 125 ล้านคน
อินเดีย : เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ประชาชนชาวอินเดียกว่า 125 ล้านคนต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ในช่วงเวลาที่รัฐบาลทั่วโลกต้องดิ้นรนในการรับมือกับเคสผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อเมริกาไปจนถึงเอเชีย
จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึง 13.4 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตกว่า 581,000 ราย นับตั้งแต่ไวรัสอุบัติขึ้นในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยสหรัฐฯ พุ่งนำเป็นอันดับ 1
โดยมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั้งในรัฐทางใต้และตะวันตกของสหรัฐฯ และเมื่อวันที่ 15 ก.ค. สหรัฐฯมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 67,000 รายในรอบ 24 ชม.
ขณะที่อินเดียมียอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 600 รายในวันเดียว และประชาชนชาวอินเดียกว่า 125 ล้านคนในรัฐพิหาร ซึ่งอยู่ติดกับประเทศเนปาล เริ่มอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่นาน 15 วัน เริ่มตั้งแต่ 16 ก.ค.เป็นต้นไป
เมืองบังกาลอร์ ซึ่งเป็นฮับไอทีที่กำลังบูมในรัฐกรนาฏกะทางใต้ของอินเดีย และรัฐท่องเที่ยวริมชายฝั่งอย่างรัฐกัวได้ออกมาตรการคุมเข้มในสัปดาห์นี้เนื่องจากสภากาชาดสากลเตือนว่า พื้นที่เอเชียใต้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของไวรัสโคโรนาอย่างรวดเร็ว
“ ขณะที่โลกให้ความสนใจกับการตีแผ่วิกฤตในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ แต่โศกนาฏกรรมของมนุษย์แบบเดียวกันกำลังอุบัติขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชียใต้ ” จอห์น เฟลมมิง ผอ.ด้านสาธารณสุขในเอเชีย-แปซิฟิกของสภากาชาดสากลระบุ
โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในอินเดียจะพุ่งแตะ 1 ล้านคนในวันที่ 17 ก.ค. และจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงถึง 25,000 ราย
มีคำสั่งให้ปิดโรงเรียน คลับ วัด และธุรกิจที่ไม่จำเป็นในรัฐพิหาร แต่ยังคงต้องจับตามองว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ในรัฐที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก
ขณะที่สื่อเอเอฟพีในเมืองปัฏนา เมืองหลวงของรัฐระบุเมื่อเช้าวันที่ 16 ก.ค.ว่า การจราจรในเมืองยังคงพลุกพล่านเหมือนปกติ
“ ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิต มันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก ” รติกา ซิงห์ แม่บ้านในวัยกว่า 40 ปีกล่าวในขณะที่เธอเร่งรีบไปซื้อข้าวและถั่วในวันที่ 15 ก.ค.ก่อนที่จะเริ่มล็อกดาวน์เมือง
รัฐบาลในหลายประเทศถูกบีบให้ต้องทบทวนแผนในการเปิดธุรกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะที่ไวรัสยังไม่ยอมจากไปง่ายๆ
ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดจากไวรัส ในหลายรัฐทั้งแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัสที่มีผู้ติดเชื้อมากในตอนนี้ รัฐบาลท้องถิ่นพยายามที่จะปรับสมดุลธุรกิจให้สอดคล้องกับสุขภาพของประชาชน
โดยผลวิจัยล่าสุดชี้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯจะสูงเกิน 150,000 รายในเดือนหน้าและดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของประเทศเรียกร้องให้มีการยุติการโต้เถียงกันเสียที
“เราเกือบจะเข้าใกล้การรีเซ็ตแล้ว และพูดได้ว่า โอเค หยุดเรื่องไร้สาระนี้เสียที”
ห้างวอลมาร์ท ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลกระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. ลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยหากมาซื้อสินค้าที่ร้านซึ่งมีถึง 5,300 สาขา เป็นการเข้าร่วมกับกลุ่มธุรกิจอเมริกันเพื่อกำหนดให้มีการสวมสิ่งปกคลุมใบหน้าเพื่อชะลอการระบาดของไวรัส
ขณะที่ในอีกหลายพื้นที่ ไวรัสเริ่มระบาดในระลอกสอง โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ผู้เสียชีวิตทะลุ 150,000 รายในอเมริกาใต้ ทำให้เป็นพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากยุโรป