โตโยต้าคาดกำไรเพิ่ม
บริษัทโตโยต้ามอเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ว่า บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 16% ในไตรมาสงบประมาณที่ 2 เนื่องจากยอดขายเติบโตขึ้นและเงินเยนอ่อนค่าลง
โดยบริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์แถวหน้าของโลกระบุว่า กำไรในไตรมาสเดือนก.ค. – ก.ย.สูงถึง 458,200 ล้านเยน (135,856 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากเดิมคือ 393,700 ล้านเยน (116,732 ล้านบาท) ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายประจำไตรมาสล่าสุดเติบโตขึ้น 10% เป็น 7.14 ล้านล้านเยน (2.12 ล้านล้านบาท)
ทำให้โตโยต้าปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรประจำปีงบประมาณของบริษัทจนถึงเดือนมี.ค. 2561 ขึ้นไปอยู่ที่ 1.95 ล้านล้านเยน (578,175 ล้านบาท) จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้คือ 1.75 ล้านล้านเยน (518,875 ล้านบาท)
การปรับแก้ตัวเลขคาดการณ์ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง โดยตอนนี้โตโยต้าคำนวณจากพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 111 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับ 108 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
โดยการปรับแก้ตัวเลขของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีขึ้นพร้อมกับการเผยแพร่ตัวเลขในรอบ 6 เดือนที่ชี้ให้เห็นว่า กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น 13.2% อยู่ที่ 1.07 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ กำไรจากยอดขายโตโยต้าในต่างประเทศผันผวนจากค่าเงินเยนต่อสกุลเงินสำคัญในตลาด โดยผลจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศช่วยเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานต่อไตรมาสถึง 135,000 ล้านเยน ขณะที่ความพยายามในการตัดลดค่าใช้จ่าย ช่วยเพิ่มกำไรได้อีก 50,000 ล้านเยน ซึ่งเพียงพอที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายการตลาดจำนวน 130,000 ล้านเยนสำหรับไตรมาสนี้
ยอดขายรถยนต์โดยรวมใน 6 เดือนถึงเดือนก.ย.อยู่ที่ 4,389,435 คัน เพิ่มขึ้นถึง 25,898 คัน เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยยอดขายในญี่ปุ่นอยู่ที่ 1,087,354 คัน เพิ่มขึ้น 8,544 คัน ขณะที่ตลาดสำคัญคืออเมริกาเหนือ ยอดขายลดลง 4,211 คันลงมาอยู่ที่ 1,396,158 คัน แต่ในตลาดยุโรป ยอดขายอยู่ที่ 469,503 คัน เพิ่มขึ้น 35,122 คัน
ในปีงบประมาณก่อนหน้านี้ รายได้สุทธิของบริษัทลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยลดลงถึง 20.8% ลงมาอยู่ที่ 1.83 ล้านล้านเยน สาเหตุสำคัญมาจากค่าใช้จ่ายของสิ่งจูงใจผู้บริโภคในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ
บริษัทระบุว่า คาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 8.95 ล้านคันสำหรับปีงบประมาณนี้ ขยับขึ้นมาจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้คิอ 8.9 ล้านคัน
โดยโตโยต้ารุ่น RAV4 ซึ่งเป็นรถเอสยูวีและคัมรีซีดานมียอดขายที่ไปได้ดีในตลาดสหรัฐฯ ขณะที่คัมรีรุ่นไฮบริดยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับมาสด้า มอเตอร์ คอร์ป แต่ยังไม่มีการประกาศถึงสถานที่ตั้งโรงงาน โดยแผนการสร้างโรงงานนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ที่จะให้ลดมูลค่าการค้าทวิภาคีที่ไม่สมดุล และย้ายการผลิตมาที่สหรัฐฯ เพื่อสร้างงานเพิ่มขึ้นที่นั่น.