สหรัฐฯเล็งแบน Tik Tok
ฮ่องกง /วอชิงตัน – เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯเล็งแบนแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียของจีน รวมถึง Tik Tok ด้วย
รมว.ปอมเปโอชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีความเคลื่อนไหวเช่นนั้นในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ช่อง Fox News โดยเสริมว่า “ เรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก ”
โดยปอมเปโอถูกนักข่าวถามว่าสหรัฐฯจะพิจารณาสั่งแบนแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียของจีน “โดยเฉพาะ Tik Tok” จริงหรือไม่
“ ด้วยความเคารพแอปของจีนบนโทรศัพท์มือถือของประชาชน ผมให้ความมั่นใจกับคุณได้ว่าสหรัฐฯมีสิทธิ์จะทำเช่นนั้น” เขากล่าว “ ผมไม่อยากแสดงท่าทีชัดเจนต่อหน้าท่านประธานาธิบดี (โดนัลด์ ทรัมป์) แต่เป็นเรื่องที่เรากำลังพิจารณาอยู่ ”
รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯยังเสริมว่า ประชาชนควรดาวน์โหลดแอป “ หากคุณอยากให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณตกไปอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ”
“ Tik Tok บริหารงานโดยซีอีโอชาวอเมริกัน โดยมีหลายร้อยคนที่เป็นพนักงานและผู้บริหารคนสำคัญทั้งในด้านความปลอดภัย ความมั่นคง ผลิตภัณฑ์ และนโยบายสาธารณะที่นี่ในสหรัฐฯ ” โฆษกของ Tik Tok ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่หลังจากความเห็นของปอมเปโอ “ สำหรับเรา ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าการส่งเสริมความปลอดภัยและความมั่นคงของแอปสำหรับผู้ใช้งานของเรา เราไม่เคยจัดส่งข้อมูลผู้ใช้งานของเราให้รัฐบาลจีน และเราจะไม่ทำเช่นนั้นหากได้รับการร้องขอ ”
คำสัมภาษณ์ของปอมเปโอมีขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน ในหลายประเด็น ที่ครอบคลุมทั้งกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง การค้า และเทคโนโลยี
ที่ผ่านมา Tik Tok ซึ่งมีเจ้าของคือ ByteDance สตาร์ทอัพของจีน ถูกวิจารณ์ซ้ำๆจากนักการเมืองสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าแอปวีดีโอสั้นๆ นี้เป็นภัยคุกคามกับความมั่นคงของสหรัฐฯ เพราะมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน พวกเขาแสดงความเห็นว่าบริษัทอาจถูกบังคับให้ “ สนับสนุนและให้ความร่วมมือกับงานด้านข่าวกรองที่ควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ”
Tik Tok เคยชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า มีการบริหารงานที่แยกจาก ByteDance โดยระบุว่า ศูนย์ข้อมูลตั้งอยู่นอกจีน มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งานสหรัฐฯ ในสหรัฐฯ โดยมีการเก็บสำรองข้อมูลในสิงคโปร์ จากแถลงการณ์ของ Tik Tok โฆษกของบริษัทกล่าวกับสื่อเมื่อเดือนพ.ค.ว่า เขาคิดว่าความกังวลเรื่องความมั่นคงของชาตินั้น “เป็นข่าวโคมลอย ที่ไม่มีมูล ”
แอปพลิเคชั่น Tik Tok ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในสหรัฐฯและบรรดาประเทศตะวันตก กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแรกของจีนที่ประสบความสำเร็จนอกประเทศบ้านเกิด มีการดาวน์โหลดมากถึง 315 ล้านครั้งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เป็นตัวเลขการดาวน์โหลดสูงที่สุดในไตรมาสมากกว่าแอปอื่นๆในประวัติศาสตร์ จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ Sensor Tower