จีนขยายพื้นที่เกาะในทะเลจีนใต้
จีนมีเหตุผลที่ถูกต้องเหมาะสมในการแผ่ขยายหมู่เกาะในพื้นที่พิพาทสำคัญของหลายประเทศอย่างทะเลจีนใต้ และในปีนี้ จีนมีโครงการก่อสร้างระบบเรดาร์ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 290,000 ตารางเมตร อ้างอิงจากรายงานใหม่ของรัฐบาล
โดยจำนวนโครงการก่อสร้างอย่างกว้างขวางของจีนมีจำนวนเท่ากับการประเมินของสำนักคิดในสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จีนมีการขยายพื้นที่ทำงานบนพื้นที่บางส่วนของเกาะที่อยู่ในการควบคุมของจีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งรวมทั้งการก่อสร้างท่าอากาศยานด้วย ซึ่งทำความตกใจให้กับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและกรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ
จีนระบุว่า งานที่ทำคือการช่วยบริการระหว่างประเทศ เช่นการค้นหาและช่วยชีวิต แต่ยอมรับว่า มีจุดประสงค์ของทางกองทัพรวมอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ จีนยังกล่าวว่า จะทำอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการในดินแดนอาณาเขตของจีน
ทั้งนี้ รายงานฉบับใหม่ที่โพสต์บนเว็บไซต์โดยศูนย์ข้อมูลทางทะเลและบริการสารสนเทศแห่งชาติของจีน และในฉบับต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยระบุว่า จีนเสริมกำลังกองทัพให้แข็งแกร่งขึ้นที่นั่นและมีการขยายพื้นที่เกาะอย่างเหมาะสม
นอกเหนือจากการสร้างระบบเรดาร์ขนาดใหญ่แล้ว ยังไม่ชัดเจนว่ารายงานยังเอ่ยถึงการก่อสร้างมากกว่าหนึ่งโครงการในปีนี้ ซึ่งรวมถึงระบบบอำนวยตามสะดวกสำหรับพื้นที่เก็บของใต้ดินและตึกบริหารจัดการด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานถึง จำนวนที่เพิ่มขึ้นของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนด้วยเช่นกัน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะเจาะจงในประเด็นนี้
มีการเผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. แต่ไปปรากฎบนหนังสือพิมพ์ Global Times ซึ่งเป็นสื่อของรัฐเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา
แต่ความสนใจของประเทศในเอเชียถูกรบกวนจากวิกฤตนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในปีที่ผ่านมา ทำให้จีนติดตั้งเรดาร์ความถี่สูงและระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆที่สามารถใช้เพื่อจุดประสงค์ทางกองทัพบนเกาะที่สร้างขึ้นด้วยแรงงานคนในทะเลจีนใต้ สำนักคิดของสหรัฐฯแห่งหนึ่งระบุในเดือนนี้
โดยรายงานที่จัดทำโดย Asia Maritime Transparency Initiative ของศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศของสหรัฐฯระบุว่า โครงการก่อสร้างของจีนกินพื้นที่ครอบคลุม 72 เอเคอร์ของหมู่เกาะสแปรทลีย์และหมู่เกาะพาราเซล ซึ่งเป็นกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับหลายประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
ทั้งนี้ มีการค้าทั่วโลกมูลค่ามากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 164.55 ล้านล้านบาท ที่ขนส่งผ่านทะเลจีนใต้ทุกปี นอกจากจีนที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่นี้แล้ว ยังมีเวียดนาม มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ และไต้หวันที่ต่างอ้างสิทธิในการครอบครองบริเวณนี้เช่นกัน.