ระเบิดฆ่าตัวตายในอัฟกานิสถาน
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย และได้รับบาดเจ็บถึง 30 รายในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงคาบุล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน
องค์กรวัฒนธรรมมุสลิมนิกายชีอะห์ และอาคารสำนักงานของสำนักข่าวอัฟกัน วอยซ์ได้รับความเสียหายจากระเบิด โดยกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม หรือไอเอส ออกมาอ้างความรับผิดชอบในเหตุโจมตีครั้งนี้
กระทรวงมหาดไทยกล่าวกับสื่อบีบีซี มีเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย และตามมาด้วยระเบิดอีกอย่างน้อย 2 ลูก
โดยกลุ่มก่อการร้ายไอเอสอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์ทั่วประเทศในช่วงหลายเดือนมานี้
ทั้งศูนย์วัฒนธรรมตาลีบันและสำนักข่าวอัฟกัน วอยซ์ตั้งอยู่ในสถานที่ของการโจมตี โดยมีกลุ่มนักศึกษามารวมตัวกันอยู่ในศูนย์และกำลังมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
กระทรวงมหาดไทยระบุว่า เหตุร้ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาการครบรอบ 38 ปีของการรุกรานอัฟกานิสถานโดยสหภาพโซเวียต
หลังจากเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย มีระเบิดตามมาอีกอย่างน้อย 2 ลูก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสกัดกลุ่มคนที่พยายามจะเข้าไปช่วยเหยื่อ มีภาพแพร่กระจายในโซเชียลมีเดียที่แสดงให้เห็นร่างของผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ซาเยด อับบาส ฮัสไซนิ นักข่าวประจำสำนักข่าวอัฟกัน วอยซ์กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งในสำนักข่าวเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน
โรงพยาบาลท้องถิ่นให้การรักษาผู้บาดเจ็บนับสิบคน และมีความกังวลว่า อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้ายไอเอสใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจร มีการประเมินว่า กองกำลังของไอเอสอยู่ระหว่าง 1,000 – 5,000 คน โดยไอเอสตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนความขัดแย้งในอัฟกานิสถานให้กลายเป็นสงครามศาสนาระหว่างนิกายซุนนีและชีอะห์
เมื่อเดือนพ.ค. คนทำงานด้านสื่อ 2 ราย รวมทั้งคนขับรถของบีบีซี เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในกรุงคาบุล ขณะที่ในเดือนต.ค. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 รายในเหตุโจมตีมัสยิดของมุสลิมชนนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบาก โดยอัฟกานิสถานยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่อันตรายที่สุดสำหรับนักข่าวและผู้ทำงานด้านสื่อ
เมื่อเดือนพ.ย. กลุ่มไอเอสออกมายอมรับว่าอยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงสถานีโทรทัศน์ Shamshad ที่ทำให้พนักงานของสถานีหนึ่งรายเสียชีวิต
ใน 6 เดือนแรกของปี 2560 มีเหตุรุนแรงที่เกิดกับผู้สื่อข่าวเพิ่มขึ้น โดยการจับตาเฝ้าระวังของคณะกรรมการความปลอดภัยของนักข่าวอัฟกันบันทึกไว้ถึง 73 กรณี เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559.