โสมแดงระงับแผนเพิ่มทหารกดดันโสมขาว
(CNN) – เกาหลีเหนือระงับแผนในการเพิ่มกำลังทหารเพื่อกดดันเกาหลีใต้ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีตกต่ำลง รวมถึงการที่เกาหลีเหนือระเบิดอาคารสำนักงานประสานงานที่ใช้ในการเจรจาระหว่างสองเกาหลี
การตัดสินใจล่าสุดมีขึ้น หลังจากประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือมีการประชุมกับคณะกรรมาธิการทหารกลางในวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป จากรายงานของสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือ
โดยเกาหลีเหนือมีแผนการที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปประจำการที่พื้นที่ท่องเที่ยวคือภูเขาคัมกัง และเขตอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลีใต้ และจัดตั้งป้อมตำรวจที่ก่อนหน้านี้เคยถอนออกไปจากเขตปลอดทหาร (DMZ) ระหว่างสองประเทศ “เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการเฝ้าระวังแนวหน้า ” จากรายงานก่อนหน้านี้ของสำนักข่าว KCNA
เกาหลีเหนือส่งสัญญาณถึงแผนการกดดันเกาหลีใต้ด้วยกองทัพ หลังจากกลุ่มผู้แปรพักตร์ในเกาหลีใต้ใช้ลูกโป่งส่งใบปลิวต่อต้านเกาหลีเหนือข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือที่ติดกับ DMZ
ทั้งนี้ เกาหลีเหนืออ้างว่าใบปลิวเหล่านี้ละเมิดข้อตกลงที่ประธานาธิบดีคิมทำไว้กับประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้เมื่อปี 2561 ในการประชุมซัมมิตครั้งแรก เมื่อทั้งสองผู้นำตกลงที่จะยุติ “การกระทำที่ไม่เป็นมิตรและกำจัดความเกลียดชัง ทั้งการกระจายเสียงผ่านลำโพงและโปรยใบปลิว” ตลอดแนวพรมแดนของทั้งสองประเทศ
เมื่อคืนวันที่ 22 มิ.ย. กลุ่มผู้แปรพักตร์ในเกาหลีใต้ส่งใบปลิวเพิ่มอีก 5 แสนชิ้น ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ “ความจริงของสงครามเกาหลี” เข้าไปในเกาหลีเหนือ โดยทางกลุ่มระบุว่า ยังได้ส่งหนังสือเล่มเล็ก 500 เล่มเกี่ยวกับ “เกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จ” ธนบัตร 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ 2,000 ใบ และ SD cards จำนวน 1,000 ชิ้น โดยใช้บอลลูนทั้งหมด 20 ใบ
เพื่อเป็นการโต้ตอบกับการส่งใบปลิวก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือตัดการสื่อสารกับเกาหลีใต้ และระเบิดตึกออฟฟิศประสานงานร่วมของสองเกาหลี ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกซอง ทางเหนือของ DMZ
โดยอาคารแห่งนี้ถูกปิดเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนา และเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ไม่ได้มาทำงานที่ตึกตั้งแต่นั้น การทำลายตึกถือเป็นสัญลักษณ์เนื่องจากตึกนี้เป็นออฟฟิศที่ใช้เป็นสถานที่เจรจาระหว่างสองเกาหลี
รวมถึงการขู่ว่าจะเพิ่มแรงกดดันทางทหาร มีการติดตั้งลำโพงยักษ์ที่พรมแดน และชี้ว่าจะออกแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อของตัวเองด้วยการส่งใบปลิวเข้ามาในเกาหลีใต้เช่นกัน
ขณะที่เกาหลีเหนือกำหนดกรอบการแสดงท่าทีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการโต้กลับ แต่นานหลายเดือนแล้วที่ทางเกาหลีเหนือได้ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ไม่ได้ช่วยคลายมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯที่ส่งผลฉุดเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ
การพูดคุยเจรจาหยุดชะงักไปนานหลายเดือนหลังจากมีการประชุมสามฝ่ายในปี 2561 และผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือใช้จุดยืนในตอนนี้เพื่อสร้างวิกฤตชิงความได้เปรียบในการเจรจาในอนาคต ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อเร่งรัดให้มีการเจรจาทางการทูต