ยิง 5 ตำรวจในการประท้วงสหรัฐฯ
วอชิงตัน/มินนิอาโพลิส (รอยเตอร์ ) – สื่อและตำรวจรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 5 นายที่ถูกยิงในระหว่างการประท้วงรุนแรงที่ปะทุขึ้นมาจากการเสียชีวิตของชายผิวสีในระหว่างถูกควบคุมตัวโดยตำรวจผิวขาว ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะใช้กองทัพเข้าควบคุมความสงบหากยังมีการประท้วงอยู่
โดยท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเขาเดินไปโบสถ์ที่อยู่ใกล้ทำเนียบขาวพร้อมถือคัมภีร์ไบเบิลไปด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อเปิดทางให้เขาเดินไปที่โบสถ์ หลังจากเขาประกาศกร้าวในสวนกุหลาบของทำเนียบขาวว่า จะใช้กำลังของกองทัพเข้าควบคุมการประท้วงที่ลุกลามบานปลายอยู่ในขณะนี้
มีผู้ประท้วงจุดไฟเผาร้านค้าในย่านช้อปปิ้งในลอสแองเจลิส ปล้นสะดมสินค้าจากร้านในนิวยอร์ก และปะทะกับตำรวจในเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ขณะที่มีการนำตำรวจ 4 นายส่งโรงพยาบาล แต่ไม่บาดเจ็บรุนแรงถึงแก่ชีวิต
จอห์น เฮย์เดน ผู้บัญชาการตำรวจเซนต์หลุยส์ระบุว่า มีผู้ประท้วงประมาณ 200 คนที่ “กระโดดขึ้นลงเหมือนคนบ้า ” ปล้นสินค้าและขว้างพลุและก้อนหินใส่ตำรวจ
“ เราต้องปกป้องอาคารสำนักงานใหญ่ของเรา พวกเขาขว้างพลุใส่เจ้าหน้าที่ ให้มันระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว “ มันเกิดอะไรขึ้น ? เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ? คุณฟลอยด์ถูกฆ่าที่อื่น และพวกเขาก็พังทำลายเมืองไปทั่วประเทศ ”
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ตำรวจนายหนึ่งถูกยิงในระหว่างการประท้วงในลาสเวกัส ขณะที่อีกนายหนึ่งก็เกือบถูกยิงในพื้นที่เดียวกัน
ทรัมป์กล่าวประณามการกระทำรุนแรงกับจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีวัย 46 ปีจนเสียชีวิต หลังจากเขาถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอเขานานเกือบ 9 นาทีในมินนิอาโพลิสเมื่อวันที่ 25 พ.ค. และสัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมกับเขา
แต่การประท้วงต่อต้านความโหดร้ายป่าเถื่อนของตำรวจและการเดินขบวนกลายเป็นความรุนแรงในช่วงกลางคืนในแต่ละวันตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทรัมป์ระบุว่า การประท้วงอย่างสงบไม่ควรถูกม็อบที่โกรธเคืองครอบงำ
“ นายกเทศมนตรีและผู้ว่าการรัฐต้องบังคับใช้กฎหมายจนกว่าจะควบคุมความรุนแรงได้ ” ทรัมป์กล่าว “ หากเมืองใด หรือรัฐใดปฏิเสธที่จะมีปฏิบัติการที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผมจะใช้กำลังกองทัพสหรัฐฯ และเข้าช่วยแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วให้ ”
หลังจากคำประกาศกร้าวของเขา ทรัมป์ได้โพสต์ภาพกับอิวานกา บุตรสาวและวิลเลียม บาร์ รมว.ยุติธรรมที่โบสถ์เซนต์จอห์นใกล้ทำเนียบขาว
อัครสังฆราช ไมเคิล เคอร์รี จากโบสถ์ Episcopal ในกรุงวอชิงตันกล่าววิจารณ์ทรัมป์ว่าใช้โบสถ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นโอกาสในการถ่ายภาพเพื่อโปรโมทตัวเอง
“ การทำเช่นนี้ คือการใช้อาคารโบสถ์และคัมภีร์ไบเบิลเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง” ท่านโพสต์บนทวิตเตอร์ โดยโบสถ์แห่งนี้มีความเสียหายจากไฟเล็กน้อยจากการประท้วงในคืนวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ผู้ชุมนุมนับพันคนเดินขบวนไปทั่วบรูคลินในนิวยอร์ก และพากันตะโกนว่า “ความยุติธรรมตอนนี้ !” ขณะที่ผู้ขับรถผ่านไปมาต่างบีบแตรให้กำลังใจผู้ประท้วง
ภาพข่าวทางโทรทัศน์แสดงให้เห็นฝูงชนที่พังกระจกร้านและเข้าไปปล้นสินค้าหรูหราราคาแพงทั่วทั้งถนนฟิฟธ์อเวนิวในแมนฮัตตัน ก่อนเคอร์ฟิวในเวลา 23.00 น. ทำให้นายกเทศมนตรีบิล เดล บลาสิโอระบุว่า เคอร์ฟิวเลื่อนขึ้นเป็นเวลา 20.00 น.ในวันที่ 2 มิ.ย.
ขณะที่ในฮอลลีวูด มีภาพผู้ก่อเหตุร้ายที่อยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปปล้นร้านขายยา พังกระจกหน้าร้านสตาร์บัคส์และร้านอาหารอีก 2 ร้านที่อยู่ใกล้เคียง
การเสียชีวิตของฟลอยด์เป็นกรณีล่าสุดที่แสดงถึงความทารุณโหดร้ายของตำรวจที่กระทำต่อคนผิวสี และถูกถ่ายคลิปเป็นหลักฐานไว้ได้ ก่อให้เกิดการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบตำรวจของสหรัฐฯ
หลายสิบรัฐประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่เหตุจลาจลหลังการลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ในปี 2511 เป็นต้นมา และตอนนี้มี National Guard เข้าประจำการใน 23 รัฐและกรุงวอชิงตัน