จลาจลในมินนิอาโพลิส จับตร.ทำชายผิวสีดับแล้ว
มินนิอาโพลิส (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 29 พ.ค. มีรายงานว่า ตำรวจผิวขาวที่ก่อเหตุใช้เข่ากดคอจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีจนเสียชีวิตในไวรัลคลิปถูกจับในข้อหาฆาตกรรมแล้ว
การจับกุมดีเรค ชอวิน ตำรวจผู้ก่อเหตุมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุความไม่สงบที่ลุกลามกลายเป็นจลาจลเป็นคืนที่สามในคืนวันที่ 28 พ.ค. ทั้งการวางเพลิงเผาอาคารและปล้นร้านค้า หลังจากมีการประท้วงอย่างสงบในวันแรกเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ชายผิวสีคนหนึ่งที่ถูกตำรวจผิวขาวใช้หัวเข่ากดคอเขาจนเสียชีวิตในคลิปวีดีโอที่กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้
เหตุความไม่สงบในเมืองมินนิอาโพลิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯ ทำให้ผู้ว่าการรัฐ ทิม วอลซ์ สั่งการให้กองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) เข้าช่วยควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลังจากจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีวัย 46 ปีถูกตำรวจจับกุมและกระทำรุนแรงจนเขาเสียชีวิตในวันที่ 25 พ.ค.
กลุ่มผู้ประท้วงชุมนุมก่อเหตุอยู่นอกอาคาร มีการขว้างปาก้อนหินใส่ร้านจนกระจกแตก มีการบุกเข้าไปปล้นสินค้าจากในห้าง ขณะที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ก่อเหตุจากหลังคา สุดท้ายมีการจุดไฟเผาสถานีตำรวจ ทำให้ตำรวจต้องล่าถอย ทำให้ในเวลาต่อมา มีกลุ่มผู้ประท้วงขึ้นไปสังเกตการณ์บนหลังคา
รถยนต์หนึ่งคันและอาคารอย่างน้อย 2 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากการวางเพลิง และบรรดาผู้ก่อเหตุกลับมาอีกในคืนที่สองโดยตั้งเป้าที่ห้าง Target โดยพากันเข้าไปปล้นกวาดสินค้าจากชั้นในห้างออกมากันจนหมด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า มี 16 อาคารที่ถูกวางเพลิงในคืนวันที่ 27 พ.ค.
ยังไม่มีสัญญาณว่ากองกำลังพิทักษ์ชาติจะเข้าปฏิบัติการที่สถานีตำรวจ หรือที่การเดินขบวนชุมนุมอย่างสงบในศูนย์ราชการเฮนเนพินเคาน์ตีในย่านดาวน์ทาวน์ของมินนิอาโพลิส
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตบนทวิตเตอร์ว่า เขาจะส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติเข้าปฏิบัติการ หากนายกเทศมนตรีเจคอบ เฟรย์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองได้
“ หากเกิดความยุ่งยากใด เราจะควบคุมได้ แต่เมื่อเริ่มเกิดเหตุรุนแรง ก็ต้องเริ่มยิง” ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์ช่วงเที่ยงคืน
เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ตำรวจประจำรัฐ และเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้าควบคุมสถานการณ์ก่อนหน้านี้เพื่อคลี่คลายลดความตึงเครียดที่ปะทุขึ้นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ฟลอยด์ เหยื่อที่เสียชีวิตจากการกระทำเกินกว่าเหตุของตำรวจ
ก่อนหน้านี้ มีการไล่ออกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายที่เกี่ยวข้องในเหตุการจับกุมตัวฟลอยด์ รวมทั้งตำรวจผู้ลงมือก่อเหตุด้วยการใช้หัวเข่ากดคอเขาขณะที่เขานอนคว่ำบนพื้นและถูกใส่กุญแจมือ ขณะที่เขาพยายามร้องขอชีวิตว่า “ ได้โปรด ผมหายใจไม่ออก” อยู่หลายครั้ง
เหตุกระทำทารุณกับฟลอยด์ เหมือนเป็นคดีย้อนรอยการสังหารเอริก การ์เนอร์เมื่อปี 2557 เขาเป็นชายผิวสีที่ไม่มีอาวุธในนิวยอร์กที่ถูกตำรวจผิวขาวล็อกคอจนเสียชีวิต โดยเหยื่อมีการร้องขอว่า “ ผมหายใจไม่ออก” เช่นกัน
ในกรณีของฟลอยด์ บรรดาผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีการจับกุมตำรวจทั้ง 4 นายและดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม
เอริกา แมคโดนัลด์ อัยการรัฐมินนิโซตารับปากว่าจะมีการสอบสวนอย่าง “ตรงไปตรงมาและเข้มงวด” กับกรณีการจับกุมและการเสียชีวิตของฟลอยด์
โดยเธอระบุว่า การสอบสวนของ FBI ซึ่งสั่งการมาโดยวิลเลียม บาร์ รมว.ยุติธรรม จะมุ่งเน้นในประเด็นที่ว่า เจ้าหน้าที่มีอคติเหยียดสีผิวในระหว่างปฏิบัติการและลิดรอนสิทธิพลเมืองของฟลอยด์
ฟลอยด์ ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำไนท์คลับ เป็นผู้ต้องสงสัยว่าใช้ธนบัตรปลอมในร้านสะดวกซื้อขณะที่ตำรวจเข้าจับกุมเขา
มีการประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้เขาในวันที่ 27 พ.ค.ในลอสแองเจลิส และในเดนเวอร์เมื่อวันที่ 28 พ.ค.
โดยผู้ชุมนุมหลายร้อยคนปิดการจราจรบนทางด่วนของทั้งสองเมือง